วันศุกร์ที่ 26 ธันวาคม พ.ศ. 2557

ฟุตบอล: การจ่ายเงินตัวนักฟุตบอลที่พิศคล้ายจะยังมีชีวิตอยู่การให้ทุนที่พังทลาย

นับเป็นการลงทุนที่ล้มเหลว จนโลกต้องจดจำ




ซึ่งก่อนที่เราจะ ฉลองช่วงเทศกาลปีใหม่ ด้วยการหวนกลับไปรำลึกถึงเหล่านักเตะฟุตบอล หมู่เจ้าบุญทุ่ม ผู้ที่เข้าข่ายตำน้ำพริกละลายทิ้งแม่น้ำกันดีกว่า มาดูกันว่ามีฝ่ายใดบ้างที่สู้อุตส่าห์ทุ่มเม็ดเงินมหาศาล แต่กลับคว้าน้ำเหลวไม่ได้อะไรติดไม้ติดมือเป็นชิ้นเป็นอัน



1.กลุ่มอันจิ ทุ่มเงินไป 115 ล้านยูโร ใน ปี 2011




ภายหลังที่มหาเศรษฐี ซูไลมาน เคอร์มอฟ ได้เข้ามาซื้อ ฝ่ายอันจิ พร้อมกับดำเนินแบบตามลอยฝ่ายดังทีมอื่นๆ ในทวีปยุโรปด้วยการที่ควักกระเป๋าก้อนโต กว้านซื้อนักเตะซูเปอร์สตาร์เข้าสู่กรุ๊ป ไล่ตั้งแต่

  1. โรแบร์โต้ คาร์ลอส
  2. ซามูเอล เอโต้
  3. เอ็มบาร์ค บูสเซาฟา
  4. ชูซิเล่ 
  5. เมห์ดี้ คาร์เซล่า 

แต่ผลปรากฏออกมาว่า ฝ่ายล้มเหลวไม่เป็นท่า พร้อมทั้งตามมาด้วยปัญสมมุติารขาดทุนต้องขายซูเปอร์สตาร์เพื่อลดค่าใช้จ่าย



2.เหล่าควีนส์ปาร์ค ทุ่มเงินไป 50 ล้านยูโร  ในปี 2012)




พวกควีนส์ปาร์ค ก็ได้ทุ่มเงินเพื่อความอยู่รอดของ สโมสร ภายหลังที่ได้อนุมัติเงิน 50 ล้านยูโร เพื่อดึงนักเตะดังอย่าง

  1. ปาร์ค จี ซอง
  2. โจเซ่ โบซิงวา
  3. ชูลิโอ เซซาร์
  4. เอสเตบัน กราเนโร่
  5. สเตฟาน เอ็มเบีย 
  6. โลอิค เรมี่ 

เข้าสู่เหล่า แต่ว่า ผลสุดท้ายก็ไปไม่รอด พร้อมด้วยยังคงตกชั้นเช่นเดิม




3.พวกท็อตแน่ม ฮอตสเปอร์ ทุ่มเงินไป 150 ล้านยูโร  ในปี 2013




หลังจากที่ได้ขาย แกเร็ธ เบล ให้ ทีมเรอัล มาดริด เพราะว่าได้กำไรมหาศาล ซึ่งสโมสรก็ได้นำเม็ดเงินดังกล่าวเข้ามาตกแต่งขุมกำลังใหม่ทันที บรรดานักเตะค่าจ้างแพงทยอยเคลื่อนเข้าสู่รัง ทีมไวท์ ฮาร์ท เลน ไล่ตั้งแต่

  1. โรแบร์โต้ โซลดาโด้
  2. เอริค ลาเมล่า
  3. เปาลินโญ่ 
  4. คริสเตียน เอริคเซ่น 

พร้อมกับยังไม่รวมแข้งอื่นๆ อีกเพียบ ผลบอลที่ได้รับ เวลานี้มีแค่ เอริกเซ่น คนเดียวเท่านั้นที่เล่นได้คุ้มค่าจ้าง



4.ทีมโมนาโก ทุ่มเงินไป 190 ล้านยูโร  ในปี 2013




หมู่โมนาโก เปิดโฉมใหม่มาด้วยความทะเยอทะยาน กระหายจะถีบตัวเองขึ้นเป็นยอดกรุ๊ปของยุโรป ปีแรกก็ได้ทุ่มเงินไป 190 ล้านยูโร ซื้อนักเตะที่ตัวเองคิดว่าดีทันที

  1. ราดาเมล ฟัลเกา
  2. เจา มูตินโญ่
  3. ฮาเมส โรดริเกซ 
  4. เจฟฟรีย์ ก็องด็อกเบีย 

แต่ว่าโชคไม่ดีที่ แค่ปีแรกตัวของ ฟัลเกา ก็เล่นไม่คุ้มค่าตอบแทนแล้วเพราะว่าเจ็บยาวที่หัวเข่า



5.หมู่ลาซิโอ ทุ่มเงินไป 120 ล้านยูโร ในปี 2001




กลุ่มลาซิโอ ซึ่งเป็นฝ่ายกลางๆ จากศึกเซเรีย อา ไม่น่าเชื่อว่าจักเคยมีโมเมนต์แบบนี้กับเค้าด้วย ในปี 2001 สโมสรเคยคิดตะกลามจักเป็นใหญ่ในยุโรป จึงได้ใช้เงิน 120 ล้านยูโร ดึงแข้งระดับสตาร์สู่สโมสร ทั้ง

  1. กาอิซก้า เมนดิเอต้า
  2. ดาร์โก้ โควาเซวิช
  3. สเตฟาโน่ ฟิออเร่
  4. จูเลียโน่ จิอันนิเคดด้า 
  5. ยาป สตัม 

ซึ่งบทสรุป นั้นมีแค่ ยาป สตัม ที่โดดเด่นเป็นดีลที่คุ้มค่าที่สุด ส่วนในด้านของ 1.เมนดิเอต้า พร้อมกับ 2.โควาเซวิช นั้นถือว่าน่าผิดหวังมาก




6.กรุ๊ปลิเวอร์พูล ทุ่มเงินไป 160 ล้านยูโร  ในปี 2014




พวกลิเวอร์พูล นั้นมองเห็นอนาคตจากผลงานสุดยอดในฤดูกาล 2013 ในซัมเมอร์ปี 2014 ทางสโมสรจึงได้ทุ่มเงินก้อนโตเพื่อหวังสานต่อความสำเร็จรวมถึงต้องการหาคนมาชดเชยการจากไปของ หลุยส์ ซัวเรซ ที่เป็นนักเตะมากหน้าหลายตาถูกดึงมาที่นี่ ไล่ตั้งแต่

  1. มาริโอ บาโลเตลลี่
  2. อดัม ลัลลาน่า
  3. เดยัน ลอฟเรน
  4. ลาซาร์ มาร์โควิช 
  5. อัลแบร์โต้ โมเรโน่ 

แต่ว่าระยะนี้ผลงานของทีมลิเวอร์พูลนั้นกำลังจมดิ่งสู่ก้นเหว



7.กลุ่มเรอัล มาดริด ทุ่มเงินไป 260 ล้านยูโร  ในปี 2009




เหตุด้วยหมู่ราชันชุดขาวนั้นได้ทุ่มทุนมหาศาลแบบสุดๆถึง 260 ล้านยูโร เพื่อล่าลายตัวของ

  1. โรนัลโด้
  2. คาริม เบนเซม่า
  3. ชาบี อลอนโซ่
  4. ริคาร์โด้ กาก้า
  5. ราอูล อัลบิโอล 

แต่ว่าจบฤดูกาลแชมป์ได้ตกเป็นของ กรุ๊ปบาร์เซโลน่า

ส่วนในรายของ

  1. โรนัลโด้
  2. เบนเซม่า 
  3. อลอนโซ่ 

นั้นถือว่าเป็นการซื้อที่คุ้มค่า แต่ว่าเกี่ยวกับเงิน 65 ล้านยูโร ที่เป็นค่าตอบแทนของ กาก้า กลับดูแพงเกินไป



คาร์ราเกอร์ ได้จัด โคตร 11 นักเตะที่ ยอมเยี่ยมศึกพรีเมียร์ลีก




หลังจากที่ เจมี่ คาร์ราเกอร์ ที่เป็นตำนานกองหลัง ทีมลิเวอร์พูล ได้ออกมาจัดฝ่ายรวมยอดแข้งของศึกพรีเมียร์ลีก โดยได้มีเพื่อนร่วมกรุ๊ปเก่าติดแทบคนเดียวคือ สตีเว่น เจอร์ราร์ด พร้อมทั้งมีผู้เล่นจากกรุ๊ปคู่ปรับอย่างทัพ คณะปีศาจแดง ติดมาถึง 5 คนด้วยกัน

เพราะว่าที่อดีตแนวรับ ในวัย 36 ปี ที่ปัจจุบัน ได้ผันตัวไปเป็นนักวิเคราะห์บอลลูกหนังของ สื่อสกาย สปอร์ตส์ พร้อมกับ ได้เขียนบทความสร้างผ่าน สื่อเดลี่ เมล ซึ่งล่าสุดได้ลองจัดดรีมกรุ๊ปทะลุทะลวงแอคเคาน์ทส่วนตัวในเว็บไซต์ชื่อว่า Kicca


  1. ซึ่งแน่นอน ตำแหน่งผู้รักษาประตูของผมคือ ปีเตอร์ ชไมเคิ่ล คงยากสมมุติจะให้หานายประตูคนที่เก่งกว่าเขาแล้วล่ะ
  2. พร้อมทั้งแย่หน่อยนะที่ ตำแหน่งแบ็คขวาเป็น แกรี่ เนวิลล์ ซึ่งเป็นผู้เล่นชั้นยอดตลอดกาล แต่ว่าในไม่ช้าอาจจักโดน ปาโบล ซาบาเลต้า ชิงตำแหน่งไป ผมขอเอาใจช่วยนะ
  3. เพราะว่า ตำแหน่งแบ็คซ้ายใกล้เคียงกันมากระหว่าง 1.โคล, 2.เออร์วิน พร้อมด้วย 3.เอฟร่า แต่ผมเเอิกเกริกกโคล เพราะช่วงที่พีค เขาเล่นได้ยอดเยี่ยมมากๆ
  4. ต่อมาด้วยว่าผมสุดยอด ตำแหน่งเซ็นเตอร์แบ็คในยุคของ ศึกพรีเมียร์ลีก ผมขอยกให้สองคนนี้เลย จอห์น เทอร์รี่ กัปตันของ พวกเชลซี และ โทนี่ อดัมส์ตำนาน ทีมอาร์เซน่อล
  5. พร้อมด้วยไม่ว่าใครก็ต้องมี รอย คีน ใน ตำแหน่งมิดฟิลด์ตัวกลาง ซึ่งเขามีอิทธิพลสูงกับ หมู่แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เป็นแน่แท้ๆ
  6. เนื่องด้วย สตีเว่น เจอร์ราร์ด จะจับคู่กับ คีน สโคลส์ กับ แลมพาร์ดก็ใกล้แล้วแต่มันเฉือนกันแค่นิดเดียวสุทธิๆ
  7. เนื่องด้วย คริสเตียโน่ โรนัลโด้ ผู้เล่นที่เก่งที่สุดในโลกขณะนี้ จะยืนฝั่งขวาในกลุ่มนี้
  8. ตัวของ ไรอัน กิ๊กส์ ผู้เล่นที่ประสบความสำเร็จที่สุด สร้างสถิติจำนวนนัดที่ลงสนาม กับถ้วยรางวัลซึ่งจะไม่มีวันถูกทำลาย จักเล่นฝั่งซ้าย
  9. ส่วนอลัน เชียเรอร์ ดาวซัลโวสูงสุดของพรีเมียร์ลีก ยิงแทบทุกนัดที่ลงสนาม เขายืนหน้าเป้า
  10. พร้อมด้วยที่จะขาดไม่ได้ เธียร์รี่ อองรี ผู้เล่นที่เก่งที่สุดเท่าที่เราเคยเห็นในพรีเมียร์ลีก จักยืนเยื้องฝั่งซ้ายของ เชียเรอร์ เป็นตำแหน่งที่เขาไม่ถนัด



วันพฤหัสบดีที่ 25 ธันวาคม พ.ศ. 2557

สกู๊ปวิเคราะห์บอลยอดเยี่ยมเพราะฟุตบอลไทยด้วยกัน ถ้อยคำของครูฝึกซิโก้

คราวต้นกล้ากำลังเกิด ก็อย่าเพิ่งเร่งให้โตไวนัก






ซึ่งภายหลังจบภารกิจพิชิตแชมป์แบบสุดระทึก ทีมชาติไทยเดินทางมาถึงมาตุภูมิ ห้วงเวลานี้คือการเดินสาย ขอบคุณผู้ให้การสนับสนุน

ในขณะเดียวกันการเตรียมกรุ๊ป ชุดแห่งอนาคตนี้ ได้ถูกยิงคำถามว่า เราจะไปบอลโลกใช่หรือไม่?

ก็ต้องขอประภาษว่า ใจเย็นเย็นครับลูกเพ่! มันยังไม่ใช่เวลานี้ครับ...

หลังจากที่เราเพิ่งวิ่งชนความสำเร็จ พร้อมกับเสียงชื่นชมจากคนทั่วทั้งประเทศ ไม่ผิดหรอกครับที่หลายคนจักมองไกลไปถึงฟุตบอลโลก




พ่างแต่ ผมขอรับสั่งได้เลยว่า มันยังไม่ใช่เวลาอันใกล้นี้หรอก เราต้องค่อยๆ ขยับไปทีละขั้น จักดีกว่าครับ

เริ่มทำแรกที่ทัวร์นาเม้นท์ ปลายปีหน้าก่อนเลยดีกว่าใน ศึกซีเกมส์ ครั้งที่ 28 ที่แดน ลอดช่อง ประเทศสิงคโปร์

นัดนี้ผมขอเปรยว่าฝ่ายฟุตบอลคณะชาติไทย กับ การป้องกันแชมป์ จะจัดหนักจัดเต็มอย่างแน่นอน!

ซึ่งทำไม? ผมถึงมั่นใจพร้อมทั้งกล่าวเช่นนั้นออกมา

ก็แหม จะไม่ให้พูดวิเคราะห์ผลบอลแบบนี้ได้อย่างไร ในเมื่อเหลือเลื่องบไปมองรายการผู้เล่นจากชุด แชมป์ซูซูกิคัพ 2014 หนนี้ ที่บรรดานักเตะเเอิกเกริกดหนุ่มที่อายุยังน้อย พวกเขามีโอกาสได้ลงวาดลวดลายใน ศึกซีเกมส์ปลายปีหน้า ได้กว่าครึ่งทีมเลยทีเดียว


  • ชนินทร์ แซ่เอียะ อายุ 22ปี
  • พีระพัฒน์ โน๊ตชัยยา อายุ 21ปี
  • อดิศร พรมรักษ์ อายุ 21ปี
  • นฤบดินทร์ วีรวัฒน์โนดม อายุ 20ปี 
  • ธนบูรณ์ เกษารัตน์ อายุ 21ปี
  • อาทิตย์ ดาวสว่าง อายุ 22ปี 
  • สารัช อยู่เย็น อายุ 22ปี
  • ชาริล ชัปปุยส์ อายุ 22ปี 
  • ชนาธิป สรงกระสินธ์ อายุ 21ปี 
  • อดิศักดิ์ ไกรษร อายุ 23ปี





พร้อมกับส่วนบัญชีชื่อนักเตะ ชุดแชมป์โปรแกรมบอลซีเกมส์ ที่ประเทศเมียนมาร์ คนที่เป็นได้เล่น ศึกซีเกมส์ ที่ประเทศสิงคโปร์ได้อีกก็มีดังนี้


  • นูรูล ศรียานเก็ม อายุ 22ปี 
  • ภิญโญ อินพินิจ อายุ 22ปี 
  • ฐิติพันธ์ พ่วงจันทร์ อายุ 21ปี 
  • สุริยา สิงห์มุ้ย อายุ 19ปี 
  • ปกรณ์ เปรมภักดิ์ อายุ 21ปี 
ซึ่งถ้าดูจากฟอร์ม และ กระแสของฟุตบอลไทยเวลานี้ ครั้งเห็นรายชื่อของพวกเขาแล้ว

แล้วถ้าจะประภาษว่าเราเป็น หมู่เต็ง 1 ของซีเกมส์ ก็คงจะไม่ใช่เรื่องที่เกินยิ่ง แถมบัญชีรายชื่อเหล่านี้ ยังไม่รวม ดาวรุ่ง ดาวโรจน์ ที่กำลังรอเวลาโผล่ขึ้นมาอีกนะครับ

ตัวผมเชื่อลึกๆ ว่า ขอแค่แค่เราไม่ประมาท เก็บตัวอย่างต่อเนื่อง พยายามหาแมตช์อุ่นเครื่องไม่ให้ขาด รับรองนักเตะ ชุดแห่งอนาคต คงจักหยิบแชมป์ซีเกมส์ มาให้ประเทศไทยได้ไม่ยาก




ด้วยกันส่วนเรื่องการลงคัดเเลื่องกบอลโลก 2018 ในช่วงปลายปีหน้า ผมเห็นด้วยกับประโยคของ ซิโก้ ที่สั่งว่า ต้นกล้ากำลังเกิด อย่าเพิ่งเร่งให้โตไวนัก

ซึ่งเราอย่าเพิ่งรีบร้อนไปเลยครับ เพราะว่านักเตะชุดนี้ยังรอคอยเวลาเติบใหญ่อย่างแข็งแกร่ง เรื่องการได้ไปโลดแล่นใน ฟุตบอลโลกรอบสุดท้าย ยังเป็นเรื่องยากอยู่มหาหินเฉกเช่นเดิม

ถ้าหากกรุ๊ปชาติไทย นั้นพยายามสร้างคณะชุดนี้ ให้ยกระดับขึ้นไปอยู่แนวหน้าของเอเชียให้ได้เสียก่อน จากนั้นการมองไปถึงการเข้ารอบบอลโลกรอบสุดท้าย ค่อยมาว่ากันอีกที

คำที่ว่า บอลไทยไปบอลโลก ไม่มีทางเกิดขึ้นได้ หากทุกส่วนทุกฝ่ายไม่ช่วยกันลงมือทำ

ส่วนไอ้คนที่เอาแต่พูด เอาแต่ด่าว่า ไร้สาระ บอลไทยเนี่ยนะ จะไปบอลโลก ผมขอเถอะครับ! บางครั้งมันก็ไม่ช่วยให้อะไรดีขึ้นมานะ

ถ้าจะติเพื่อก่อ อันนี้ผมว่าน่าเคารพ แต่ไอ้พวกที่วิจารณ์แบบไร้เหตุกับผล เพราะหารู้ไม่ว่า ตัวเองกำลังโชว์รอยหยักในสมองอันน้อยนิดออกมา ผมว่าก็หยุดเถอะครับ




ซึ่งสุดท้าย เรื่องบอลโลก กับ เหล่าชาติไทย ผมยกเอาตัวอย่างที่น่าชื่นชมอย่าง ประเทศญี่ปุ่น ซึ่งเขาเองก็สร้างคณะมานานกว่า 30 ปี ก่อนที่พวกเขาจักได้ไปเชิดหน้าชูตาในรอบสุดท้ายของศึกลูกหนังโลกได้

ประเทศไทยเราเองก็เช่นกัน การได้ริเริ่มต้นนับ1..2....3 แบบวันนี้ ในสักวันนึง เราจะไปถึงฝั่งฝันที่ไม่ใช่แค่เรื่อง เพ้อเจ้อ อีกถัดจากนั้น

เรื่องเพราะ : บ.ส้มซิ่ง



โค้ชซิโก้ คือหนึ่งความภูมิใจของวงการฟุตบอลไทย





เนื่องด้วยศึกที่เพิ่งจบไปหมาดๆ กับการทวงบัลลังก์แชมป์จ้าวอาเซียน ของเหล่าขุนพลนักเตะ หมู่ชาติไทย ที่เก่งคว้าแชมป์ซูซูกิคัพ 2014 ปิดที่บังตาการรอคอยมาถึง 12 ปีเต็มได้อย่างงดงาม

แต่ก็กว่าจักได้มา ทำเอาดราม่าสุดๆ เหมือนกัน หลังถูกทัพ เหล่าเสือเหโจษจันงถลุง นำ 3 - 0 ก่อนที่จักฮึดกลับมาสู้ซัดสองลูกรวดในช่วง 10 นาทีสุดท้าย นั่นทำให้ผลรวม 2 นัด ไทยนำผลบอล 4 - 3 และกลับมาเป็นผู้ชนะในท้ายที่สุด เล่นเอาแฟนบอลชาวไทยใจหายใจคว่ำกันเลยทีเดียว




ซึ่งงานนี้ก็ต้องยกความดีความชอบให้กับหัวจิตหัวใจนักเตะไทยที่ แกร่งเยี่ยงเพชร และยังมีสปิริตยืนหยัดสู้จนวินาทีสุดท้าย เพราะนี่ก็ถือเป็นการคืนความสุขให้กับคนไทยทั้งประเทศในอีกรูปแบบหนึ่ง

พ่างแต่ถ้าจักยกให้ โค้ชซิโก้ เกียรติศักดิ์ เสนาเมือง เป็น แมน ออฟ เดอะ เยียร์ ผมก็มั่นใจได้เลยว่าแฟนบอลชาวสยามประเทศคงไม่ปฎิเสธกับตำแหน่งนี้อย่างแน่นอน

พร้อมทั้งเนื่องด้วยผลงานอันสุดสะเด่านับตั้งแต่ช่วงปลายปีที่แล้วกับการซิวแชมป์ ศึกลูกหนังซีเกมส์ ต่อด้วยการคว้าแชมป์อันดับที่ 4 ในศึกเอเซียนเกมส์ ล่วงเลยจนมาถึง ศึกซูซูกิ คัพ 2014 มันทำให้คนไทยมีความสุขมาเพราะว่าตลอดกับ การนั่งดูกรุ๊ปไทยลงเตะ

แต่ใครจะรู้ไหมครับ กว่าอดีตศูนย์หน้าตัวเก่ง ของเมืองไทยจะมาถึงขนาดนี้ได้ต้องเจออุปสรรคอะไรบ้าง แน่นอนกับการตกลงใจเข้ามาเป็นโค้ชพวกชาติไทยชุดใหญ่ก็เหมือนการสวมหัวโขนที่ต้องคอยกำกับพร้อมทั้งกระตุ้นนักเตะในพวกเพื่อไปให้ถึงเป้าหมายที่วางไว้




ด้วยเหตุผลที่เรื่องที่จะต้องแบกรับความกดดันจากการคาดหวังจากหลายๆ ด้าน รวมถึงแฟนบอลชาวไทยที่ตะโกรงเห็นสำเร็จในทุกๆ รายการที่แข่งขัน

พร้อมทั้งถ้าเราจะให้มองถึงการคุมหมู่ชาติไทยนั้น มันไม่ใช่เรื่องง่ายๆ เลย เพราะว่าเฉพาะการคัดเฟุ้งเฟื่องกนักเตะที่มาจากหลายๆ สโมสร ซึ่งอาจจะเป็นซุปตาร์ของสังกัดนั้นๆ แน่นอนระบบแท็กติกการเล่นก็จักแตกต่างกันไป

และแถมยังเเล่าลือกมาก็ใช่ว่าจะสมบูรณ์แบบ เพราะต้องมาขัดเกลาหลอมรวมให้เป็นน้ำหนึ่งใจเดียวพร้อมกับรู้จักบทบาทหน้าที่ของตนเองทั้งในและนอกสนาม ซึ่งก็ถือว่าทำได้ยากกับแข้งวัยรุ่นช่วง 20 ต้นๆ

เช่นแต่ว่า ด้วยคาแร็กเตอร์ส่วนตัวของ โค้ชซิโก้ ที่มีพื้นฐานดีเยี่ยมในด้าน ระเบียบวินัย มันเลยเป็นจุดแข็งที่ติดตัวมาเพราะว่าตลอด ครั้งยังเป็นนักเตะจนทำให้กลายเป็น 1 ในสุดยอดศูนย์หน้าที่ดีที่สุดของเมืองไทยคนนึง




พร้อมด้วยรูปแบบการสร้างกลุ่มที่เห็นได้ชัด คือไม่นิยม เด็กเส้นเด็กฝาก เหมือนโค้ชต่างชาติที่เคยทะลวงมา ที่ทำได้ลบภาพฟุตบอลไทยเก่าๆ ได้อย่างราบคาบ

โค้ชโก้ใช้ความเข้าใจในบุคลิกภาพของนักเตะกับประสบการณ์ที่คลุกคลีอยู่กับลูกกลมๆ ที่หาไม่ได้จากชั้นเรียน มาปรับเปลี่ยนแก้ไขพร้อมกับถ่ายทอดสู่นักเตะในเหล่าได้อย่างลงตัว

ซึ่งจากที่ทันทีที่ก่อนกรุ๊ปชาติไทยที่สภาพเหมือน ผู้ป่วยอาการโคม่า ที่รอวันตายอย่างเดียว กลับคึกคักขึ้นมาอีกครั้งอย่างภาพที่เราได้เห็นกันไป




เท่าแต่ว่าภายใต้การดูแลหมู่ของอดีตศูนย์หน้าจอมตีกาคนนี้ นั่นทำให้คนไทยเกริ่นมีศรัทธากลับมาพร้อมกับความหวังถึงความสำเร็จในเกมระดับชาติอย่างการไปเล่นฟุตบอลโลกที่ชาวไทยหลายคนมุ่งหมายสัมผัสสักครั้งหนึ่งในชีวิต

และสิ่งนี้มันก็มีโอกาสเหมือนกัน ต่างว่าเรารักษาระดับการเล่นแบบนี้ เล่นให้มันส์ เล่นให้สนุก เล่นให้เต็มที่จนวินาทีสุดท้าย

ซึ่งสมมติว่าเป็นไปได้ตะกลามให้นักเตะชุดนี้เล่นกันไปเรื่อยๆ จะได้รู้ใจกันมากขึ้น เพราะว่ามันคือสิ่งสำคัญของคำว่า กรุ๊ปเวิร์ค

เพราะว่าที่สิ่งนี้นี่คือสาเหตุทั้งหมด ที่ว่าทำไม โค้ชซิโก้ ถึงเป็นหนึ่งในความภูมิใจฟุตบอลไทยกับเป็นขวัญใจของแฟนบอลไทยทั้งประเทศไปเพราะว่าปริยาย




เพราะที่สุดท้ายนี้ยังไงก็ต้องขอขอบคุณ โค้ชซิโก้ กับบรรดานักเตะรวมถึงสตาฟฟ์โค้ชในฝ่ายทุกคน ที่ช่วยกันพาทีมคว้าแชมป์ซูซูกิคัพ หนนี้

ผมก็ถือเป็นของขวัญปีใหม่ที่ล้ำค่ามากๆ พร้อมกับเชื่อว่าคนไทยทั้งประเทศจะจดจำไปอีกนานแสนนาน



เรื่องเพราะว่า : มิดไนท์

วันพุธที่ 24 ธันวาคม พ.ศ. 2557

พรีเมียร์ลีกศึกฟุตบอลพรีเมียร์ลีกคู่บิ๊กแมทซ์ในสัปดาห์ที่ทะลุทะลวงมา

จนได้สินะ!! ฟัลเกาโขกบอลช่วยผีแดงเจ๊า เหล่าวิลล่า 10 คน 1 - 1 แบ่งแต้มกันไป





ศึกฟุตบอลพรีเมียร์ลีก อังกฤษ ปี 2014 - 2015 นัดที่ 17


  • แข่งวันเสาร์ที่ 20 ธันวาคม 2557
  • หมู่แอสตัน วิลล่า 1-1 คณะแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด
  • แข่งที่สนาม : วิลล่า พาร์ค
  • กรรมการผู้ตัดสิน : ลี เมสัน


ในนาทีที่ 18 เจ้าบ้านมาได้ประตูขึ้นนำก่อน 1-0 ปาง ฟาเบียน เดลฟ์ ได้โยนบอลไปให้ คริสติย็อง เบนเตเก้ จับเอาบอลลงแล้วแตะหนี จอนนี่ อีแวนส์ ก่อนปั่นด้วยซ้ายเข้าประตูไป เพราะที่ ดาบิด เด เคอา โดนบังอยู่ ทำให้หมดสิทธิ์ป้องกัน

ซึ่งหลังจากที่เสียประตูไป เหล่าเยือนก็เดินเครื่องบุก พร้อมทั้ง ก็มาได้ลุ้นลูกยิงจาก แอชลี่ย์ ยัง เปิดบอลไปให้ อันโตนิโอ วาเลนเซีย หาจังหวะยิง แต่ก็ซัดไม่ตรงประตู

ในช่วงท้ายครึ่งแรก พวกแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด นั้นพยายามบุกหวังทำประตูตีเสมอ แต่ก็ยังเจาะตาข่าย แอสตัน วิลล่า ไม่ได้จนหมด 45 นาทีแรก หมู่สิงห์ผงาด นำอยู่ 1-0

ช่วงครึ่งหลัง หมู่วิลล่า ได้เตะมุมจาก ฟาเบียน เดลฟ์ เปิดบอลมาให้ คริสติย็อง เบนเตเก้ โหม่งไปโดน ดาบิด เด เคอา ปัดบอลออกไปได้หวุดหวิด

ในนาทีที่ 48 ฝั่งกลุ่มเยือนเกือบได้ประตูจาก เวย์น รูนี่ย์ ที่จ่ายบอลให้ โรบิน ฟาน เพอร์ซี่ กดด้วยซ้ายไปโดน แบร็ด กูซาน ปัดบอลออกหลังไปได้

ซึ่งนาทีที่ 53 กรุ๊ปผีแดง ก็ได้ทำประตูตีเสมอจนกระทั่ง แอชลี่ย์ ยัง กระซากบอลหนี แม็ทธิว ลอว์ตัน เปิดบอลจากด้านซ้ายไปให้ ราดาเมล ฟัลเกา ขึ้นโหม่งเข้าไปตุงตาข่าย 1 - 1

นาทีที่ 62 กรุ๊ปวิลล่า มีลุ้นจาก ฟาเบียน เดลฟ์ กดด้วยซ้าย ทว่าไปตรงตัว ดาบิด เด เคอา ป้องกันเอาไว้ได้

นาทีที่ 65 ตัวของกาเบรียล อั๊กบอนลาฮอร์ มาโดนใบแดงจากจังหวะที่เข้าปั้มบอลกับ แอชลี่ย์ ยัง ซึ่งดูภาพช้าแล้วไม่ใช่การเปิดปุ่มใส่ ทำให้เจ้าบ้านเหร่ำลือผู้เล่น 10 คน

ในนาทีที่ 85 พวกสิงห์ผงาด เกือบได้ประตูนำอีกครั้ง ฟาเบียน เดลฟ์ ไหลบอลให้ เลอันโดร บาคูน่า ส่องไกลบอลแรงข้ามคานไปนิดเดียว

ทำให้จบเกม 90 นาที กลุ่มแอสตัน วิลล่า เสมอกับ กรุ๊ปแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ไปผลบอล 1 - 1 แบ่งกันกลุ่มละแต้ม


มาดูบัญชีรายชื่อผู้เล่นทั้งสองกลุ่ม

พวกแอสตัน วิลล่า ระบบ : 5-3-2

1.ผู้รักษาประตู :

  • แบร็ด กูซาน

2.กองหลัง :

  • แม็ทธิว ลอว์ตัน
  • โยเรส โอโกเร่
  • รอน ฟลาร์
  • เคียแรน คล้าร์ก
  • อาลี ซิสโซโก้

3.กองกลาง :

  • อันเดรียส ไวมันน์
  • ฟาเบียน เดลฟ์
  • คาร์ลอส ซานเชซ

4.กองหน้า :

  • คริสติย็อง เบนเตเก้
  • กาเบรียล อั๊กบอนลาฮอร์


หมู่แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ระบบ : 3-4-1-2

1.ผู้รักษาประตู :

  • ดาบิด เด เคอา

2.กองหลัง :

  • ฟิล โจนส์
  • ไมเคิ่ล คาร์ริค
  • จอนนี่ อีแวนส์

3.กองกลาง :

  • อันโตนิโอ วาเลนเซีย
  • ดาร์เรน เฟลตเชอร์
  • เวย์น รูนี่ย์
  • แอชลี่ย์ ยัง 
  • ฆวน มาต้า

4.กองหน้า :

  • โรบิน ฟาน เพอร์ซี่
  • ราดาเมล ฟัลเกา



ตัวซิลบาเบิ้ล2ลูกให้เรือใบสีฟ้าเปิดรังต้อนกลุ่มพาเลซ 3-0 ทำเเต้มทาบจ่าฝูง





ศึกฟุตบอลพรีเมียร์ลีก อังกฤษ ปี 2014 - 2015 นัดที่ 17


  • แข่งวันเสาร์ที่ 20 ธันวาคม 2557
  • ไฮไลท์พรีเมียร์ลีกกรุ๊ปแมนเชสเตอร์ ซิตี้ 3 - 0 ทีมคริสตัล พาเลซ
  • แข่งที่สนาม : เอติฮัด สเตเดี้ยม
  • กรรมการผู้ตัดสิน : ฟิล ดาวด์


ภายหลังที่ พวกคริสตัล พาเลซ ซึ่งเป็นกลุ่มเยือนได้เขี่ยบอลเริ่มเกมในครึ่งเวลาเเรก เพราะว่าจักบุกจากด้านขวาไปด้านซ้าย

ในนาทีที่ 7 กลุ่มเรือใบสีฟ้า เเมนเชสเตอร์ ซิตี้ ได้ลุ้นก่อน ทันทีที่ ปาโบล ซาบาเลต้าเเตะบอลคืนหลังให้กับ แฟร์นานโดได้วิงเข้ามายิงบอลโด่งข้ามคานออกไป

ในนาทีที่ 19 เยานนิค โบลาซี่ โหม่งชงให้กับ เฟรเซอร์ แคมป์เบลล์ได้ยิงด้วยลูกจักรยานอากาศ บอลโด่งข้ามคานออกไปอย่างน่าเสียดาย

ในนาทีที่ 23 เจมส์ มิลเนอร์ ได้ตวัดบอลจากด้านริมเส้นฝั่งซ้าย มาให้กับ ยาย่า ตูเร่ ได้ยิงบอลโด่งข้ามคานออกไป

ต่อมานาทีที่ 42 ยาย่า ตูเร่ จ่ายบอลทะลุช่องขึ้นไปด้านฝั่งขวาให้ ปาโบล ซาบาเลต้าหลุดไปกระดกบอลข้ามฮูเลียน สเปโรนี่ เเต่ว่าบอลหลุดเสาสองออกไปอย่างน่าเสียดาย

ในนาทีที่ 49 ทีมเเมนฯ ซิตี้ ได้ทำประตูขึ้นนำ หมู่คริสตัล พาเลซ ก่อน 1 - 0 ทันทีที่ปาโบล ซาบาเล ตวัดบอลจากด้านฝั่งขวา มาให้กับดาบิด ซิลบายิงบอลติดโจเอล วอร์ดเข้าไปตุงตาข่าย

ด้วยกันในนาทีที่ 41 อเล็กซานเดอร์ โคลารอฟเปิดบอลจากด้านริมเส้นฝั่งซ้าย มาให้กับซาเมียร์ นาสรี่ยิงบอลเข้าไปตุงตาข่ายให้ กลุ่มเเมนฯ ซิตี้ หนีห่าง กลุ่มคริสตัล พาเลซ 2 - 0

และในนาทีที่ 80 ฝ่ายเเมนฯ ซิตี้ นำ พวกคริสตัล พาเลซ เป็น 3 - 0 จากเกมโต้กลับเร็วที่ เจมส์ มิลเนอร์จ่ายบอลจากด้านฝั่งซ้าย มาให้กับยาย่า ตูเร่ ซัดบอลยัดเสาเเรกเข้าไปตุงตาข่าย

โดยในช่วงเวลาที่เหลือเลื่องทั้งสองเหล่าไม่ศักยทำประตูได้ ทำให้จบเกม ทีมเรือใบสีฟ้า เเมนเชสเตอร์ ซิตี้ เปิดบ้านต้อนเอาชนะ เหล่าปราสาทเรือนแก้ว คริสตัล พาเลซ ด้วยสกอร์ 3-0 พร้อมกับทำเเต้มเทียบเท่าจ่าฝูงศึกฟุตบอลพรีเมียร์ อังกฤษ อย่าง ฝ่ายเชลซี เเต่เเข่งมากกว่า 1 นัดดูตารางคะแนนพรีเมียร์ลีกล่าสุด


มาดูรายการผู้เล่นทั้งสองคณะที่ลงสนาม


รายการฝ่ายแมนเชสเตอร์ ซิตี้ ระบบ 4-2-3-1 :

1.ผู้รักษาประตู :

  • โจ ฮาร์ท

2.กองหลัง :

  • ปาโบล ซาบาเลต้า
  • มาร์ติน เดมิเคลิส
  • เอเลียควิม ม็องกาล่า
  • อเล็กซานเดอร์ โคลารอฟ

3.กองกลาง :

  • แฟร์นานดินโญ่
  • ยาย่า ตูเร่ 
  • ซาเมียร์ นาสรี่ เปลี่ยนตัว สก็อตต์ ซินแคลร์ ลงมาในนาทีที่ 89
  • ดาบิด ซิลบา เปลี่ยนตัว แฟรงก์ แลมพาร์ด ลงมาในนาทีที่ 69
  • เฆซุส นาบาส

4.กองหน้า :

  • เจมส์ มิลเนอร์ เปลี่ยนตัว แฟร์นานโด ลงมาในนาทีที่ 81


รายชื่อกลุ่มคริสตัล พาเลซ ระบบ 4-5-1 :

1.ผู้รักษาประตู :

  • ฮูเลียน สเปโรนี่

2.กองหลัง :

  • มาร์ติน เคลลี่
  • สก็อตต์ แดนน์
  • เบรเด้ ฮันเกลันด์
  • โจเอล วอร์ด

3.กองกลาง :

  • เจมส์ แม็คอาร์เธอร์
  • มิเล่ เยดินัค
  • โจ เล็ดลี่ย์ เปลี่ยนตัว แบร์รี่ เบนแนน ลงมาในนาทีที่ 89
  • เจสัน พันเชียน เปลี่ยนตัว เจโรม โธมัส ลงมาในนาทีที่ 83
  • ยานนิค โบลาซี่

4.กองหน้า :

  • เฟรเซอร์ แคมป์เบลล์ เปลี่ยนตัว วิลเฟร็ด ซาฮา ลงมาในนาทีที่ 66


วันอังคารที่ 23 ธันวาคม พ.ศ. 2557

ฟุตบอล: ข้อโต้แย้งฟุตบอล ฝ่ายทีมชาติมาเลเซียส่วนหลังสุดสิ้นเกมส์อีกรอบ

ลองมาดู Comment ฟุตบอล ทีมมาเลเซียหลังจบเกมส์อีกรอบ





ลองมาจัดกันไปดูอีกรอบกับความคิดเห็นของแฟนบอลมาเลเซีย หลังถูกคณะไทยพลิกสถานการณ์กลับมาซัดสองลูกรวดท้ายเกมพร้อมด้วยคว้าแชมป์ไปครองได้สำเร็จ


ก็เล่นทำให้แฟนบอล ทีมเจ้าถิ่นถึงกับร่ำไห้กันไปเลย เราลองไปชมกันดีกว่าว่า พวกเขาเจอแบบนี้แล้วจักรู้สึกอย่างไร?


1.El Chito

  • นักเตะชาริลชัปปุยส์ คุณทำให้ผู้หญิงมาเลเป็นบ้า ผมเกลียดคุณ รีบกลับประเทศคุณไปซะ



2.Aijaz Azlan

  • Goalll!!! Mas vs THA 1-0
  • Goalll!!! Mas vs THA 2-0
  • Goalll!!! Mas vs THA 3-0
  • นี่มันเป็นช่วงเวลาที่มีความสุขยิ่งๆ พวกเราต่างหัวเราะทีมไทย แต่สุดท้ายคือเรานี่แหละที่ถูกไทยหัวเราะ



3.Zarif Sniper

  • ผมชอบวิเคราะห์บอลก่อนเกมส์พร้อมทั้งหลังเกมส์แต่คืนนี้ผมไม่ขอพูดถึง จริงๆๆ ผมเขียนบทความชื่นชมกรุ๊ปเสือมลายูที่เราเล่นได้มีประสิทธิและยอดเยี่ยมมากๆ ที่เราอาจจักนำได้ถึง 3 - 0 เขียนเสร็จเรียบร้อยผมคิดว่าเราจักไม่พลาดจากการเป็นแชมป์แน่ๆ 
  • แต่แล้วสุดท้ายมันก็เหมือนเป็นฝันร้าย ความฝันที่เราเป็นแชมป์ก็ดับลงก็เพราะว่าไอ้หนุ่มหน้าหล่อนั้น แต่ก็ไม่เป็นไร ใครจักคิดละว่าฝ่ายเราจักพ้นมาถึงรอบชิงได้ เราทำดีที่สุดแล้ว



4.Mrsha Drhizuan

  • ผมขอแสดงความยินดีกับทีมชาติไทยถึงแม้ฝ่ายของคุณจักทำให้พวกเราอกหักแต่เราก็ภูมิใจที่อย่างน้อยๆ ครั้งนึงกรุ๊ปผมก็อาจจะเอาชนะหมู่ไทยได้ เผื่อวันนึ่งสมมตคณะไทยชุดนี้เป็นระดับท็อปของเอเซีย มาเลเราก็เอาไปคุยได้ว่า หมู่ผมเคยชนะมาแล้ว 5555


5.Mohamad Nazrie

  • ประเทศเรากำลังจะจัดปาตี้ฉลองชัยชนะในบ้านของเราอยู่แล้ว โอ้ยยยย จะร้องไห้ น้ำตาที่ไหลเพราะดีใจเปลี่ยนกลายเป็นน้ำตาที่ไหลผิดหวัง 10 นาทีสุดท้ายผมอึนเลย


6.Afiq Akmar

  • หมู่เสือมลายูนั้นยังคงเป็นแชมป์ในใจของพวกเราเสมอ


7.Yanaa Lee

  • เกมส์นี้มันเป็นเกมส์ที่ตื่นมีทุกความรู้แน่ๆๆ ตื่นเต้น ดีใจ สนุกสนาน ผิดหวัง เศร้า


8.MuslimZaira Azlan

  • ช็อค?



9.laziem Jameel

  • ถึงแม้ว่าเราจะสู้หมู่ไทยได้สูสีแต่อย่าลืมว่าพวกเขาคือเด็กหนุ่มที่อายุน้อย ซึ่งพวกเขาก็เล่นกันได้อย่างโหด ไม่ไว้หน้าพวกมากประสบการณ์อย่างเรา ไทยมีความฟิตที่ชนะเรา เขาโจมตีจนถึงวินาทีสุดท้าย นั่นแหละพวกเขาได้เปรียบตรงนั้น ด้วยกันการโจมตีที่น่าเสียวสันหลังทุกครั้งที่ไทยบุกมา นั่นคือประสิทธิภาพที่น่ากลัว เคลื่อนไหวกันอย่างรวดเร็ว มีทักษะที่ดี มีเกมส์ที่ทันคราว มีความฟิต พูดไปพูดมาผมว่าไทยดีกว่ามาเลหมดนะ 555



10.ldnu Zamir
จากสถิติของหมู่ไทย

  • ในตารางบอลรอบแบ่งกลุ่ม ฝ่ายไทยเอาชนะเรา 3 - 2 เพราะเราหมดในช่วงปลายเกมส์
  • พวกเรามีโอกาสที่จักยิง กรุ๊ปไทย อย่างน้อยๆ ก็หวังเสมอ จนถึงนาทีที่ 70 เราหมดแรง จบเกมส์เราจำนน 2-0
  • เหล่าเราขึ้นนำ พวกไทยถึง 3 - 0  ภาพถ้วยลอยมาอยู่ตรงหน้า เรายื้อมาได้ถึง 80 นาที สุดท้ายก็โดนไทยมากระชากถ้วยตรงหน้าเรากลับไป เรามีความเก๋าที่ทำให้สู้กับไทยได้อย่างสู่สี แต่พวกเขามีความสด ด้วยกันก็เป็นเขาที่สู้จนครบ 90 นาที ยินดีด้วยกับ คณะไทย


11.Ahmad LLham

  • กรุ๊ปเรามีประสบการณ์มากกว่า กลุ่มของเขาแต่เรามีความฟิตน้อยกว่าเหล่าของเราเล่นเกมส์เหมือนอาเซียน แต่ทีมเขาทำเกมส์เหมือนเหล่าในระดับเอเซียเหมือนพวกตะวันออกกลางไม่ก็เกาหลีญี่ปุ่น ก็เหมาะสมแล้วกับแชมป์ ยินดีด้วยกับประเทศไทย


12.Abdul Aziz

  • ผมปรารถนาให้คนไทยได้รู้จังว่าพวกเราประทับใจพวกของพวกคุณ


13.Syariff Lek Ar

  • กรุ๊ปเราชนะในบ้าน แต่สกอร์รวมเราพ่ายมันช่างเจ็บปวดสุดๆ เสือมลายูคือแชมป์ในหัวใจพวกเรา


14.Timothy

  • ดอลล่า ซาเลห์ นายสุดยอดมากคับ อย่างน้อยก็ทำให้พวกเรามีความสุขตั้ง 80 นาที !!!


15.Lzzul lilas

  • กรุ๊ปชาติไทยสอนให้รู้ว่าเด็กที่ประสบการณ์น้อยก็สามารถเอาชนะได้ ดังนั้นปี 2016 กรุ๊ปมาเลเรามาสร้างฝ่ายกันใหม่นะ เอาเด็กมาลงเล่นหาประสบการณ์อย่างไทยดีกว่า


16.Muhd Amirudin

  • ทีมเราคือแชมป์ในครึ่งแรก ด้วยกัน ในครึ่งหลัง แต่ 10 นาทีสุดท้าย ทีมไทยคือแชมป์ 2014 ตัวครันจุกครับ


17.Etaantn Lee

  • ตอนที่นำ 3 - 0 ทั่วถนนมีแต่ผู้คนออกมาร้องเต้นดีใจ แต่พอจบเกมส์เงียบกริบกันทั้งประเทศ


18.Fiq BlackCat

  • ผมได้ไปลบคอมเม้นในเพจอินโดเรียบร้อยแล้วคับ พวกชาติไทยคุณทำให้ผมหน้าแตก


19.Khairi Asyraf

  • ผู้หญิงประเทศมาเลย์ฯ เราสนับสนุนฝ่ายชาติไทย เพราะไอ้เบอร์ 7 นั่นคนเดียว


20.Suhaini Shafie

  • เหล่าชาติไทยคือฝ่ายที่ทำให้เรารู้สึกผิดหวังมากที่สุดทุกครั้งที่แข่งกีฬากับไทย ตะกร้อ ฟุตซอล วอลเล่ พวกเขาเชือดเรากินได้อย่างนิ่ม ๆ


21.Aishah Ahmad

  • ใน ปี 2016 เรามาเริ่มต้นกันใหม่นะ ขอแสดงความยินดีกับ พวกชาติไทย


22.Herosyie Syie

  • ผมไม่คิดว่าฝ่ายบอลเราจะเอาชนะ ทีมหน้าอ่อนจาก ประเทศไทยได้ยากเย็นเช่นนี้ อนาคตไม่หิวคิด เลย ต้องไปได้ไกลแน่ๆ ทีมชาติไทยชุดนี้


23.Zahir Ets

  • ขนาดชุดใหญ่ยังเป็นแชมป์ได้ ศึกซีเกมส์เราไม่ต้องหวังกันแล้ว ไทยกินนิ่มๆ


24.Mrsha Drhizuan

  • มีดีกรีเป็นถึงแชมป์อาเซียน ออกไปในระดับเอเชียก็คงไม่ต้องอายใครแล้ว ยินดีกับ กลุ่มชาติไทยด้วย

25.Arie Taiping

  • ทีมชาติไทยคือพวก U23 ที่ 4 ของศึกเอเซียนเกมส์ พร้อมด้วยภายใต้การคุมทีมของโค้ชเรา เขาก็แสดงให้เห็นถึงอัจฉริยะสมรรถแก้เกมส์สู้กับ ฝ่ายชาติไทยได้อย่างสู่สีแม้ความทำได้เราจะเป็นรองอย่างเห็นได้ชัดเจน แต่เราก็เกือบจักได้แชมป์อยู่แล้วเชียว แต่สุดท้ายพวกเราก็ผิดหวัง สู้หลังจากนั้น เสือมาลายู

26.Amin Badrudin

  • แล้วต่อไปนี้ ฝ่ายชาติไทยจะเป็นตัวแทนอาเซียนไปสู้กับหมู่ยักษ์ใหญ่ในเอเซีย

27.Nur Syafinaz

  • ขอชมนักเตะฟุตบอลไทยหล่อทุกคนเลยคะ รู้ไหมตอนตะเองยิงเข้าเค้ากรี๊ดลั่นบ้านเลยแหละ ชัปปุยยยยย


วันจันทร์ที่ 22 ธันวาคม พ.ศ. 2557

ฟุตบอลไทย: บวกข่าวบอลไทย วางแผนไทย vs ทีมชาติ 2-0

มาดูคลิปไฮไลท์ ไทย ถล่มมาเลย์ 2 - 0 ซูซูกิคัพนัดแรกกันดีกว่า




หลังจากจบเกมนัดแรกไปพร้อมกับความสะใจของเหล่าแฟนบอลไทย หลังคณะชาติไทย ไล่อัด ฝ่ายเสือเหเอิกเกริกง มาเลเซีย 2 - 0 ในศึก ฟุตบอล ซูซูกิคัพ 2014 รอบชิงชนะเลิศ


งั้นเราลองมาดูคลิปไฮไลท์ ชัยชนะของกลุ่มชาติไทย กันอีกครั้งดีกว่า





คลิปไฮไลท์ฟุตบอล ฝ่ายไทย ถล่ม ทีมมาเลย์ 2 - 0 รอบชิงชนะเลิศ ซูซูกิคัพ 2014 นัดแรก


มาดูกันจักๆ จังหวะที่กลุ่มชาติไทยเล่นลิงชิงบอลถึง 22 ครั้ง!!




เราลองมาดูกันอีกทีกับจังหวะต่อบอลสุดเหนือชั้นของ หมู่ขุนพลช้างศึก ในช่วงท้ายเกม ที่เล่นงานนักเตะ กรุ๊ปเสือเหเลื่องลือง แบบงงเต๊กทั้งฝ่าย ก่อน ชัปปุยส์ ได้จบจังหวะสุดท้าย แต่เสียดายที่ บอลไม่ตรงกรอบแต่ว่าได้ใจแฟนบอลไปเลยทั้งสนาม

ซึ่งเหตุการณ์สุดสวยเกิดขึ้นในนาทีที่ 88 ของเกม ขณะที่กลุ่มชาติไทยนำพวกชาติมาเลเซียอยู่ผลบอล 2 - 0 พอขุนพลช้างศึกขึ้นเกมจากกลางสนามในแดนตัวเอง ต่อบอลสไตล์ที่เรียกว่า ติกิ-ตาก้า แบบเหนือชั้น

กับในจังหวะนี้นักเตะไทยสัมผัสบอลพร้อมทั้งส่งให้กันถึง 22 ครั้ง ก่อนที่จังหวะสุดท้ายจะเป็น ชาริล ชัปปุยส์ กองกลางตัวเก่งของกลุ่มได้โอกาสสับไกยิงในกรอบเขตโทษ แต่น่าเสียดายที่ถูกผู้เล่นมาเลเซียเข้ามาบีบ ทำให้ยิงเฉียดเสาออกหลังไปแบบได้ลุ้น พร้อมเสียงปรบมือกึกก้องทั่วสนาม

เราลองมาชมจังหวะที่สวยงามและเปี่ยมไปด้วยกรุ๊ปเวิร์คนี้ชัดๆ อีกครั้งกันนะครับ





พร้อมด้วยนอกเหนือจาก 2 ประตูของหมู่ไทย นี่สุดยอดช็อตประจำเกมนี้อย่างแท้แน่แท้เลยทีเดียว



จัดคะแนนความอาจของนักเตะไทย หลังเกมอัดมาเลย์ 2 - 0 รอบชิง ซูซูกิคัพ 2014




จบไปพร้อมกับความสะใจของ แฟนบอลชาวไทยทั่วประเทศ หลังเหล่าชาติไทย ไล่อัด เหล่าเสือเหเลื่องง มาเลเซีย 2-0 ในศึก ฟุตบอล เอเอฟเอฟซูซูกิคัพ 2014 รอบชิงชนะเลิศนัดแรก

ซึ่งผลจากชัยชนะในเกมนี้ ทำให้โอกาสที่ไทยจักก้าวไปคว้าแชมป์มีสูงมาก ที่สำคัญเราไม่เสียประตูซะด้วยซิ

ถ้าดูจากฟอร์มสุดเริ่ดของนักเตะจากสยามประเทศ คงต้องบ่งบอกว่าเล่นกันได้อย่างถูกใจพระเดชพระคุณเป็นแน่แท้ๆ

พร้อมด้วยวันนี้เราก็ยังมีวิเคราะห์บอลคะแนนความเก่งของนักเตะทุกๆคนในสนาม มาฝากกัน เช่นเคยนะครับ




เราลองมาดูคะแนนความเก่งนักเตะไทย คะแนนเต็ม 10 คะแนน

มาตั้งต้นที่คนแรกเลย กวินทร์ ธรรมสัจจานันท์ : การอ่านเกมพร้อมทั้งการปลงใจออกมาตัดบอลใน หลายๆครั้งของ เจ้าตอง นั้นตอกย้ำว่าฉายา เทพกวินทร์บินได้ ไม่ได้มาก็เพราะว่าโชคช่วย สมมุติแต่มันมาก็เพราะว่าฝีมือของเขาอย่างแท้แน่ๆ
เล่นได้แบบนี้ก็เอาไปเลยครับคะแนน : 9/10

คนที่สอง พีระพัฒน์ โน๊ตชัยยา :  แบ๊กซ้ายตีนระเบิด จากทีมบีอีซีฯ เหตุด้วยในเกมนี้ เขาได้พิสูจน์ผลงานในสนามได้อย่างดี แม้การเติมเกมในแนวรุกในวันนี้จักยังน้อยไปหน่อย แต่เกมรับของเขาก็แสดงให้เห็นว่า แบ็คซ้ายกรุ๊ปชาติไทยเวลานี้ต้องยกให้เขาคนนี้แน่ๆๆ
คนนี้ก็เอาไปเลยคะแนน : 9/10

คนที่สาม สุทธินันท์ พุกหอม : เขาใช้ประสบการณ์ที่สะสมมาตลอดชีวิตการค้าแข้ง เกมวันนี้ กองหลังตัวเก่งจาก หมู่ชลบุรี เอฟซี โชว์ศักยภาพความนิ่งพร้อมด้วยตัดบอลได้หลายต่อหลายครั้ง
คะแนน : 9/10

คนที่สี่ ธนบูรณ์ เกษารัตน์ : ในช่วงแรกดูจักไม่นิ่ง แต่ภายหลังปรับจูนได้ ทุกอย่างก็อยู่ในการควบคุมของ ธนบูรณ์ ที่สำคัญการอ่านเกม พร้อมกับการเข้าปะทะในจังหวะที่พอดิบพอดี คือสิ่งที่แฟนบอลได้เห็นในเกมนี้
คะแนน : 9/10

คนที่ห้า นฤบดินทร์ วีรวัฒโนดม : สุดยอด แบ๊คขวาพลังเทอร์โบ วิ่งไม่มีหมด ความฟิตที่มีเกิน 100 เปอร์เซนต์ วิ่งอย่างไรก็ไม่หมด เพราะเฉพาะในครึ่งหลัง ผลงานเข้าตาดีเหเลื่องหลาย
เอาใจไปเลยคะแนน : 9/10




คนที่หก ชาริล ชัปปุยส์ : มิดฟิลด์ขวัญใจสาวๆ ไม่ได้มีดีแค่ความหล่อ วันนี้ลูกครึ่งไทย - สวิส รายนี้ ฟอร์มเด่นกว่าหลายๆ นัด ทั้งทักษะฟุตบอลที่หาตัวจับได้ยาก แถมซัดประตูปลดล็อกให้พวกชาติไทย ทำให้ทุกอย่างอยู่ในกำมือของเหล่าในทันที
คะแนน : 10/10

คนที่เจ็ด สารัช อยู่เย็น : เรียกได้ว่า เขาเป็น มดงานตัวยิ่งเสียงแท้ ซึ่งคงต้องยกให้เจ้าหมอนี่ สารัช อยู่เย็น คือมนุษย์ที่ทำงานหนัก พร้อมด้วยทุ่มเทเหเอิกเกริกเกิน การตามเก็บกวาดผู้เล่น กลุ่มมาเลเซีย ก่อนที่จักมาถึงกองหลัง คือจุดเด่นที่หาตัวจับยาก ด้วยกันเวลานี้เขาคนนี้ คือตัวตัดเกมที่ดีที่สุดของเมืองไทยไปแล้ว
ให้คะแนน : 10/10




คนที่แปด เกริกฤทธิ์ ทวีกาญจน์ : ไม่ก็ เจ้าก้อง แม้ว่า จะดูหนืดๆ ในช่วงต้นเกม แต่ครึ่งหลังปรับรูปแบบการเล่นได้ดี ลูกยิงแบบเข้าขารู้ใจกับ ชนาธิป ในลูก 2 - 0 เป็นอะไรที่ดูกี่ทีก็ไม่มีเบื่อ
เอาไปเลยคะแนน : 9/10

คนที่เก้า มงคล ทศไกร : หลังจากลงสนามมา ก็มาบีบมานวด จนแนวรับเสือเหโจษงอ่อนปวกเปียก ทำผลงานตามหน้าที่ที่ได้รับมาอย่างขยันขันแข็ง แม้ฟอร์มจักไม่โดดเด่นอะไรมาก แต่มงคล ก็รักษามาตรฐานของตัวเองไว้ได้ดีเช่นเคย
ส่วนตัวผมให้คะแนน : 9/10

คนที่สิบ ชนาธิป สรงกระสินธ์ : ไม่ใช่หรือ เมสซี่ไทยแลนด์ ภายหลังได้โชว์ความจี๊ดจ๊าดตลอดทั้งเกม การไปกับบอลด้วยความเร็ว ฉีกกองหลังมาเลย์เป็นริ้วๆ พร้อมด้วยลูกจ่ายแบบใจกว้างให้กับ เกริกฤทธิ์ ทวีกาญจน์ ทำประตู มันเป็นอะไรที่บ่งหมายว่าไอ้หมอนี่ไม่ธรรมดาแท้จริงจริ๊ง!
เอาไปเลยคะแนน : 10/10

คนที่สิบเอ็ด อดิศักดิ์ ไกรษร : ภายหลังที่เพิ่งพ้นโทษแบนกลับมา ก็ลงมาสร้างความปั่นป่วนให้กับผู้มาเยือนในทันที ลูกหนักลูกใหญ่ คือจุดเด่นของเจ้ากอล์ฟ การเอาตัวรอดในสถานการณ์ที่ลำบาก เขาทำได้ไม่มีที่ติ น่าเสียดายที่ลูกหลุดเดี่ยวในท้ายครึ่งแรก ไม่เป็นประตู แต่แค่นี้ก็ถือว่าเขาทำตามเป้าหมายของตัวเองได้เป็นอย่างดี
ให้คะแนน : 9/10

คนที่สิบสอง ประกิต ดีพร้อม : เรียกได้ว่า เป็นยอดตัวสำรองในเกมนี้ เพิ่งลงมาก็ป่วนแนวรับของมาเลย์ในทันที ยิ่งลูกจ่ายให้เจ้าเจ หลุดไปเปิดให้เจ้าก้อง ส่องประตูที่ 2 มันตอกย้ำว่าเขาคือพ่อหนุ่มเท้าชั่งทองจริงๆ
เอาไปเลยคะแนน : 9/10

คนที่สิบสาม อดุลย์ หละโสะ : เขาลงมาทำหน้าที่แทนรุ่นน้องอย่าง สารัช ด้วยกัน อดุลย์ หละโสะ ก็ไม่ได้โชว์ผลงานอะไรมากนัก แต่การคุมจังหวะเกมที่ดี น่าจะเป็นอะไหล่ชิ้นดีของกลุ่มชาติไทยในยามที่ไม่มีสารัช อยู่เย็น แน่นอน
ให้คะแนน : 9/10



และคนสุดท้ายที่เราจะขาดไม่ได้เลย ด้วย โค้ชเกียรติศักดิ์ เสนาเมือง : ซึ่งเป็นกุนซือผู้เต็มไปด้วยมาดของผู้นำ ซึ่งเดินหน้าทำผลงานได้ดีจนเป็นที่ยอมรับ เกมนี้โค้ชโก้วางหมากได้อย่างยอดเยี่ยม ทีเด็ดจากการเปลี่ยนตัวของเขา นั้นคืออาวุธร้ายที่คู่แข่งต้องขยาด

พร้อมทั้งชายคนนี้นี่แหล่ะคือ ผู้ที่ปลุกวงการโปรแกรมฟุตบอลไทยให้กลับมายิ่งใหญ่ได้อีกครั้ง ที่สำคัญการได้เห็นเด็กๆ ของเขาเล่นบอลในจังหวะเดียว จนเกือบเป็นที่มาของประตู 3 - 0 เป็นอะไรที่เกิดมาไม่เคยพบเคยเห็น กับรูปแบบการเล่นเฉกเช่นนี้
คนนี้จะมีกี่คะแนนก็ไม่พองั้นเอาไปเลย : 100/100


ที่มาโดย บ.ส้มซิ่ง

วันพฤหัสบดีที่ 18 ธันวาคม พ.ศ. 2557

โปรแกรมบอลสื่อมาเลย์ กล่าวโจมตี ผู้ฝึกสอนซิโก้ ถือดีหรือขลาด!

สื่อมาเลย์ จวก โค้ชซิโก้ หยิ่งไม่ใช่หรือขี้ขลาด!




ภายหลังที่ได้ กลายเป็นประเด็นขึ้นมาทันที ที่ โค้ชซิโก้ เกียรติศักดิ์ เสนาเมือง นั้นไม่ได้ออกมาแถลงข่าวก่อนเกม ทำให้สื่อฟุตบอลมาเลย์ได้พาดหัวข่าวตัวโตว่า หยิ่งหรือไม่ก็ขี้ขลาด

ทั้งนี้การแถลงข่าววิเคราะห์บอลก่อนเกมรอบชิงชนะเลิศ ศึกซูซูกิคัพ 2014 ระหว่าง ฝ่ายชาติไทย พบ คณะชาติมาเลเซีย ตราบวานที่สร้างผ่านมา โค้ชเกียรติศักดิ์ เสนาเมือง ที่เป็นหัวหน้าผู้ฝึกสอนกลุ่มชาติไทย ได้ส่ง โชคทวี พรหมรัตน์ ผู้ช่วยผู้ฝึกสอน ด้วยกัน กวินทร์ ธรรมสัจจานันท์ นายทวารกัปตันหมู่ มาร่วมกันแถลงข่าว

เพราะว่าที่ผู้สื่อข่าวมาเลเซีย นั้นพยายามที่จักถามจี้ ถึงเรื่องการไม่ออกมาแถลงข่าวด้วยตัวเองของ โค้ชซิโก้ ซึ่งทาง โชคทวี พรหมรัตน์ นั้นได้ตอบเช่นสั้นๆ ว่าเราเป็นคณะเดียวกัน ทุกคนมีหน้าที่ช่วยงานหัวหน้าโค้ช

เขาได้กล่าวว่า พวกเราทำงานกันเป็นทีม โค้ชเองมีหน้าที่ดูแลทีม ส่วนทางด้าน สต๊าฟฟ์เองก็มีหน้าที่ช่วยงานโค้ช ด้วยกันรับคำสั่งมาปฏิบัติตาม อดีตปราการหลังฝ่ายชาติไทยกล่าว

กับจากประเด็นนี้ทำให้ สื่อของมาเลเซีย หลายสำนัก นำไปตีข่าว ด้วยกัน พาดหัวข่าวว่า กุนซือกรุ๊ปชาติไทยว่า Graeme arrogance or cowardice? หรือไม่ก็แปลว่า หยิ่ง เหรอ ขี้ขลาดกันแน่? ที่ไม่ยอมออกมาแถลงข่าวในครั้งนี้

ซึ่งในโปรแกรมบอลเกมนัดชิงชนะเลิศ นัดแรก ของ ศึกฟุตบอลไทย เอเอฟเอฟ ซูซูกิคัพ 2014 จะมีขึ้นในเย็นวันนี้ เวลา 19.00 นาฬิกา ที่สนามราชมังคลากีฬาสถาน ถ่ายทอดสดทางช่อง 7 สี

วันอังคารที่ 16 ธันวาคม พ.ศ. 2557

ฟุตบอล: มาริเพ่งพิศเช็กใบเก็บเงินศึกพรีเมียร์ลีกอังกฤษขัดขวางหน่อยประณีตกว่า

มาดูเช็กบิลศึกพรีเมียร์ลีกอังกฤษกันหน่อยดีกว่า




ซึ่งสกู๊ปหลังเกมพรีเมียร์ลีก อังกฤษ นัดที่ 15 มาดูซิว่ามีอะไรเกิดขึ้นในสัปดาห์นี้บ้าง




ข้อแรก ปิดที่บังตาไร้พ่าย


คราวนี้ก็เลิกพูดอย่างเป็นทางการกับแนวทางไร้พ่ายของ กรุ๊ปเชลซีในฤดูกาลนี้ จบสิ้นลงแล้วด้วยฝีมือของ หมู่นิวคาสเซิล เชื่อว่าเป็นแมตช์ที่ทุกคนรอคอยยกเว้นแฟน กรุ๊ปเชลซี สถานการณ์แบบนี้ต้องประสงค์เห็นกันมานาน

ตราบหมู่เชลซีสะดุดตอ ทำให้หลายทีมแช่งอยู่ในใจแบบนี้ เพราะว่าเฉพาะ ฝ่ายแมนเชสเตอร์ ซิตี้ ที่ประกาศตั้งหน้าตั้งตาไล่ล่าอย่างชัดเจน แต่แล้ว คณะซันเดอร์แลนด์ ทำเป็นตัวอย่างเอาไว้ว่าทำเป็นดึงแต้มจาก กลุ่มเชลซีได้ ทำให้ เหล่านิวคาสเซิล นั้นตอกย้ำอีกครั้งอย่าว่าแต่แบ่งแต้ม ยึดมาครองทั้งหมดยังได้

ซึ่งได้ปิดฝาผนังไร้พ่ายอย่างเป็นทางการจึงเกิดขึ้น ไม่ต้องถกเถียง ไม่ต้องคาดเดาอีกหลังจากนั้น




ข้อที่สอง โค้ชโจเซ่ มูรินโญ่

หลังจากที่ ไม่มีอาการเครียดให้เห็นกันมานาน ซึ่งผลงานลูกกรุ๊ปตอบสนองอย่างต่อเนื่อง แม้มีเรื่องไม่ถูกใจบ้างแต่ลอดไปได้ เอาตัวรอดไปได้ ไม่ใช่เรื่องเสียหายโลกฟุตบอลเป็นแบบนี้ น้ามู รู้สึกแบบนั้นจนกระทั่งวันที่ความพ่ายจำนนเข้ามาเยือน

ซึ่งแม้แต่เด็กเก็บบอล โจเซ่ มูรินโญ่ นั้นยังไม่สบอารมณ์ ถ่วงเวลาเล็กๆ น้อยๆ กลายเป็นเรื่องใหญ่กวนใจ น้ามู เป็นที่สุด ไม่ชินกับสถานการณ์เป็นแบบนี้ง่ายอยู่แล้วกับการอารมณ์เสีย

ทำให้สถานการณ์ของ กลุ่มเชลซีใช่ว่าเลวร้ายจนรับไม่ได้ ผิดพลาดครั้งใหญ่จนดิ่งลงเหว เส้นทางยังคงดูดี เหมือนแต่ทุกทีมต่างรู้สึกมั่นใจมากขึ้น อาจจักคาดเดาและวางแผนที่จักแบ่งแต้มจาก พวกเชลซีได้ ไม่ใช่เรื่องเกินตัวอีกถัด




ข้อที่สาม ปาปิสส์ ซิสเซ่

ต้องวิเคราะห์บอลให้เครดิตร่วมกันทั้งพวก ซึ่งทั้ง 2 ประตูที่จัดการ กรุ๊ปเชลซี ตัวของ ปาปิสส์ ซิสเซ่ ได้สร้างความเจ็บช้ำน้ำใจให้กับ คณะเชลซีได้เป็นอย่างดี คงจำชื่อนี้ไปอีกนานกับการหยุดยั้งความฝันไร้พ่าย

ซึ่งภายหลังเดินหน้าแบบแฟนบอล เหล่าสาลิกายังตกใจ ไม่ประสงค์จักเชื่อว่า อลัน พาร์ดิว จักเชี่ยวชาญพาหมู่ชนะติดต่อกันได้แบบยาวๆ กำลังเพลิดเพลินในการเดินทาง สะดุดด้วยการพ่ายให้ กลุ่มเวสต์แฮมต่อเนื่องด้วยการเจ๊า กรุ๊ปเบิร์นลี่ย์

ก็เริ่มจักมีข้อสงสัยกันว่า กรุ๊ปนิวคาสเซิล จะสร้างเส้นกราฟแบบวูบวาบหรือว่าเปล่า สุดท้ายได้คำตอบที่สุดยอดด้วยการกลับมาเก็บ 3 แต้ม ในเกมที่ใครๆ ต่างจับตา




ข้อที่สี่ กลุ่มแมนเชสเตอร์ ซิตี้

ซึ่งการไล่ล่าแบบมีความหมายเหโจษจันเกิน มานูเอล เปเญกรินี่ ได้กระตุ้นลูกทีมเรือใบทุกนัดว่า พวกเชลซีต้องมีสะดุด ก็เพราะว่าฉะนั้นการเดินหน้าของตัวเองต้องมั่นคงไว้ก่อน หลังจากนั้นค่อยหันไปมอง น้ามู กับลูกหมู่ว่าโดนคู่แข่งทีมไหนขัดขาได้บ้าง

กับจากแต้มที่เริ่มมีการมองกันว่าชักจะห่างไปหน่อย เรือใบขยับไล่ด้วยการเก็บชัยชนะทุกนัดใน 4 เกมหลังสุด ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่เชลซีทีเขวไปบ้าง ทำให้การไล่ขยับเข้ามาใกล้จนหายใจรดต้นคอกันเรียบร้อยแล้ว

คะแนน 3 แต้ม คือระยะห่างที่เห็นกันเต็มตาในตารางบอลอันดับ ความสนุกสนานเพิ่มมากขึ้นแน่นอน





ข้อที่ห้า กุน อเกวโร่

เพราะภาพอาการบาดเจ็บ นั่นคือปัญหาใหญ่ กุน อเกวโร่ คือนักเตะคนสุดท้าย ในศึกพรีเมียร์ลีกที่ มานูเอล เปเญกรินี่ ต้องการเห็นในมุมของการบาดเจ็บ

จักเห็นได้ว่ามีการตอกย้ำกันมาตลอด กำลังสำคัญในการไล่ล่าแชมป์ของเรือใบ อเกวโร่ คือกองกำลังที่สำคัญมากๆ ต้องพยายามหลีกเลี่ยงอาการบาดเจ็บให้มากที่สุด

ซึ่งแน่นอนว่าไม่มีใครการันตีเรื่องแบบนี้ได้ แต่นั่นคือปัจจัยที่เรือใบรับรู้เป็นอย่างดี ไม่มี กุน อยู่ช่วยงานมากนัดเท่าไหร่จะมีผลกระทบต่อการไล่ตาม หมู่เชลซีมากเท่านั้น

ภายหลังที่ดึง 3 แต้ม มาจาก ฝ่ายเอฟเวอร์ตัน ได้สำเร็จ พร้อมกับช่วงเวลาที่เชลซีโดนเล่นงาน ความแฮปปี้เข้ามาเยือน โค้ชมานูเอล เปเญกรินี่ แบบเต็มๆ

แล้วเรื่องซวยก็มาเยือน คือ กุน อเกวโร่ นั้นได้รับบาดเจ็บ ในนาทีนี้คาดหวังว่าอย่าเจ็บนานก็แล้วกันครับ




ข้อที่หก อาร์แซน เวนเกอร์

ซึ่งก็ไม่รู้ว่า เฮียแกจะมาอารมณ์ไหนเหมือนกัน โดนทั้งแฟนบอล พวกสโต๊ค เล่นงานตั้งแต่ยังไม่ริเริ่มเกม โดนทั้งแฟนบอลตัวเองต่อว่าต่อขาน ก่อนหน้านี้ เวนเกอร์ ตอบโต้แฟนบอลไว้ว่า ย้อนกลับไปดูสถิติของกรุ๊ปปืนโต มีกุนซือคนไหนในโลกนี้ที่พาเหล่าเข้าไปรอบน็อกเอาต์เล่นแชมเปี้ยนส์ ลีก ได้เป็นประจำ มีลุ้นแชมป์ พร้อมด้วย ติดท็อปโฟร์ ตลอด

พร้อมด้วยกุนซือคนไหนจะเทียบชั้นกับ เวนเกอร์ ไม่ใช่เรื่องง่ายครับ ต้องยอมรับในความเป็นครัน แต่ทว่า ภาพเดิมๆ แบบนั้นเพราะแฟนบอลคือความซ้ำซาก ได้แค่นั้นโดยไม่เก่งขยับความรู้สึกให้มากกว่าเดิมได้

เป็นเรื่องธรรมดาครับกับความต้องการของคน ถูกใจทั้งหมดทุกครั้นเมื่อเชื่อวันคงเป็นไปไม่ได้ แต่จะทำให้รู้สึกผ่อนคลายแค่ไหนนั่นสำคัญกว่า

ซึ่งเวนเกอร์ นั้นแจ้งให้ทราบไว้ชัดเจนแล้วว่า อีก 3 ปี เหล่าอาร์เซนอล ชุดนี้จักลุ้นแชมป์เต็มตัว รอกันได้หรือไม่ก็เปล่า




ข้อที่เจ็ด ปัญหาซ้ำซาก

ซึ่งนอกจากอาการแผ่วเป็นพักๆ ของ กรุ๊ปอาร์เซนอลที่เราเห็นเป็นประจำ อาการบาดเจ็บก็มักจะเล่นงานจนกลายเป็นปัญหาใหญ่ ต้องหาผู้เชี่ยวชาญมาวิเคราะห์บอลสถานการณ์ทั้งหมด หาสาเหตุเหรอความเป็นไปว่าเป็นเช่นไรกันแน่

โดยที่อีกเรื่องหนึ่งคือใบแดงแจ้งโทษ มีเป็นประจำเช่นกันกับลูกกลุ่มของ เวนเกอร์ นักเตะบาดเจ็บ นักเตะติดโทษแบบเป็นปัจจัยเนื่องด้วยทุกฝ่าย แต่ ทีมอาร์เซนอล มักจักหลีกเลี่ยงได้ไม่ดีเท่าไหร่ กลับไปปรับปรุงเดี๋ยวนี้




ข้อที่แปด พลาดทั้งในด้วยกันนอกสนาม

เรียกว่าเป็นเรื่องของ กลุ่มฟุตบอลลิเวอร์พูล ที่ได้เจอเหตุการณ์นี้ ที่พลาดในสนามเป็นเรื่องราวที่ ให้เสรีภาพปละละเลยความเด็ดขาด ใช้โอกาสเปร่ำลืองไปเรื่อยเปื่อย

ซึ่งจังหวะไหนต้องได้หรือควรจักได้จำเป็นต้องรักษาเอาไว้ ยิ่งเกมที่เล่นในบ้านยิ่งต้องได้ น่าเสียดายที่หงส์แดงทำไม่สำเร็จ

ซึ่งเรื่องราวนอกสนามก็คือ ฝ่ายเชลซี พ่าย ทีมอาร์เซนอล พ่ายแพ้ ซึ่งนี่คือโอกาสทองในการเก็บแต้มขยับตัวเองให้ชัดเจน โอกาสที่ด้านบนจักพลาดพร้อมๆ กันนั้นไม่ง่าย แต่ทว่าสถานการณ์ทะลวงไปแบบน่าเสียดายอีกแล้ว

ก็เอาเป็นว่าการเจ๊า หมู่ซันเดอร์แลนด์ นี้เป็นเรื่องเสียหายไม่น้อย พลาดทั้งการเก็บแต้มเต็มในบ้าน พลาดทั้งการขยับแต้มในจังหวะที่เหล่าใหญ่นัดกันพลาด

ซึ่งนี่เป็นเรื่องที่น่าหนักอกหนักใจเหตุด้วย เบรนแดน ร็อดเจอร์ส พร้อมทั้งลูก หมู่ลิเวอร์พูล อย่างยิ่ง ต้องเคลียร์ต้องเกลี่ยนักเตะให้เหมาะสมกับโปรแกรม แม้ว่าฟอร์มเพราะรวมยังไม่เป็นอย่างที่คาด

โดยที่เกมแชมเปี้ยนส์ ลีก ในนัดชี้ชะตารออยู่เต็มๆ กลางสัปดาห์ รวมถึงศึกพรีเมียร์ลีก นัดจากนั้นต้องทำศึกแดงเดือดกับ พวกผีแดง

นั่นทำให้ ร็อดเจอร์ส ต้องมีเรื่องให้คิดพร้อมทั้งทำการบ้านแบบละเอียดยิบเต็มไปหมด ภายใต้ข้อจำกัดที่ว่า คณะยังคงไม่มีฟอร์มที่น่าประทับใจอะไรเลย





ข้อที่เก้า คิวพีอาร์

ก็ได้โชคสองชั้นเข้ามาเยือนบ้างแล้ว ชั้นแรกคืออาจเก็บผลบอล 3 แต้ม ที่ต้องการได้เสียที เจอคู่แข่งลักษณะนี้ทำได้ตามแผน ตามความต้องการนั้นนั้นสำคัญมากๆ

ซึ่งนอกจากขยับตัวเองได้แล้ว ยังกดคู่แข่งที่คาดว่าจักแย่งชิงพื้นที่อยู่รอดกันได้อีกด้วย โชคชั้นที่ 2 ของ แฮร์รี่ เรดแนปป์ และลูกฝ่ายก็คือศักยดีดตัวเองออกมาจากเรดโซนได้สำเร็จ

นี่ก็เป็นการชั่วคราวก็ยังดีกว่าจมอยู่ตรงนั้นนานๆ ที่อยู่ต้องรอดูว่าปัญหาใบแดงของ ชาร์ลี ออสติน จะมีผลกระทบต่อหมู่มากน้อยแค่ไหน

เขียนเรื่องเพราะว่า ดามัน

วันศุกร์ที่ 12 ธันวาคม พ.ศ. 2557

บอลพรีเมียร์ลีกใครหมายความว่าเนื้อตัว แสบ ของใครมาสู่ดูกัน

ใครเป็นตัว แสบ ของใครมาดูกัน





ด้วยไฮไลท์พรีเมียร์ลีกนัดกลางสัปดาห์นี้ มีการพบกันระหว่างสองพวกที่มีสถิติหรือไม่ก็ผลงานข่มกันอยู่หลายคู่ ไม่ใช่หรือพูดง่ายๆ ว่ากรุ๊ปหนึ่งจะเป็นทีมที่มักจักทำแสบกับอีกกรุ๊ปหนึ่งเสมอ ไม่ว่าจักด้วยการชนะอย่างต่อเนื่อง การไม่ปราชัยได้อย่างยาวนาน หรือไม่ก็การมีสถิติดีกว่าในบ้านหรือนอกบ้าน

หลังจากที่หนังสือพิมพ์อย่าง เดอะเทเลกราฟ ได้ทำการประมวลหมู่ว่าทั้ง 20 หมู่ ในศึกพรีเมียร์ลีกขณะนี้ มาดูกันว่าจะมีเหล่าไหนเป็นเหล่าแสบที่คอยเป็นหนามยอกของกรุ๊ปคู่แข่งอยู่บ้าง


1.ฝ่ายแสบของ เหล่าอาร์เซนอล คือ ทีมเชลซี



เพราะว่าคณะอาร์เซนอลนั้น ลงเตะกับ พวกเชลซีมาแล้ว 4 ครั้ง ซึ่งภายหลัง โจเซ่ มูรินโญ่ ได้กลับมากำกับพวกคู่แข่งร่วมเมืองรอบสอง พร้อมทั้งปราชัยไปด้วยสกอร์รวม 10-0 แถมก่อนหน้านี้ โค้ชอาร์แซน เวนเกอร์ ก็ไม่เคยนำฝ่ายปืนใหญ่เอาชนะ กรุ๊ปสิงโตน้ำเงินครามของ มูรินโญ่ ได้เลยในการพบกันทั้งสิ้น 8 นัด


2.กลุ่มแสบของ พวกแอสตัน วิลล่า คือ หมู่ฟูแล่ม



นับเวลาตั้งแต่ กรุ๊ปสิงห์ผงาด นั้นเอาชนะ ฝ่ายเจ้าสัวน้อยได้แบบไปกลับในฤดูกาล 2009-2010 พวกเขาก็ชนะได้อีกแค่ครั้งเดียวในการพบกัน 3 ฤดูกาลหลังจากนั้น แถม พวกวิลล่ายังพ่ายทั้ง 2 นัด ในฤดูกาลที่แล้วที่ คณะฟูแล่มตกชั้นด้วย


3.เหล่าแสบของ กรุ๊ปเบิร์นลี่ย์ คือ คณะแมนเชสเตอร์ ซิตี้



หลังจากที่วิเคราะห์บอล คณะมิดเดิลสโบรห์ กับ เหล่าแบล็คเบิร์น ซึ่งทั้งสองฝ่ายนั้นเป็นคณะแสบด้วย เหล่าเบิร์นลี่ย์ แต่ว่าพวกแมนฯ ซิตี้ เป็นเป็นทีมที่ไม่แพ้ต่อพวกเขามายาวนานที่สุดถึง 40 ปี แถมกรุ๊ปเร่ำลือดหมูยังปราชัยต่อ พวกเรือใบสีฟ้าด้วยสกอร์ 5 ด้วยกัน 6 ลูกอีกอย่างละ 2 ครั้ง ซึ่งนับตั้งแต่ ที่เป็นฝ่ายชนะได้ครั้งหลังสุดครั้นเมื่อปี 1974


4.คณะแสบของ พวกเชลซี คือ พวกซันเดอร์แลนด์



โค้ชโจเซ่ มูรินโญ่ นั้นต้องเสียสถิติอันแสนภาคภูมิใจของเขาที่ ถิ่นสแตมฟอร์ด บริดจ์ ลงด้วยน้ำมือของกรุ๊ปซันเดอร์แลนด์ปางฤดูกาลที่แล้ว หลังจากที่กลุ่มแมวดำ นั้นกลายเป็นคณะแรกที่บุกมาชนะ เหล่าสิงโตน้ำเงินคราม ได้ถึงบ้านได้ในเกมลีกในยุคที่เขาควบคุมกลุ่มอยู่ แถมยังโดนเขี่ยตกรอบลีกคัพไปในฤดูกาลเดียวกันด้วย


5.ทีมแสบของ พวกคริสตัล พาเลซ คือ คณะโบลตัน



สถิติของคณะพาเลซ นั้นไม่เคยเอาชนะเกมลีกที่บ้าน เหล่าแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ได้นับตั้งแต่ปี 1989 และไม่เคยชนะที่บ้าน กรุ๊ปอาร์เซนอลตั้งแต่ปี 1994 แต่ก็คงไม่ถือว่าเหนือความคาดหมายอะไร เพราะว่าฉะนั้นพวกที่น่าจะเป็นตัวแสบที่สุดของพวกเขาคงเป็น ฝ่ายโบลตัน ซึ่ง กรุ๊ปพาเลซ นั้นยังเอาชนะได้แค่ครั้งเดียวในการพบกัน 16 นัดหลัง


6.เหล่าแสบของ กลุ่มเอฟเวอร์ตัน คือ ฝ่ายลิเวอร์พูล



ถ้าสมมตจะมีคณะไหนที่สร้างความเจ็บแสบให้กับ กลุ่มเอฟเวอร์ตัน ได้มากไปกว่าคู่ปรับร่วมเมืองอย่างพวกลิเวอร์พูล ซึ่งทีมทอฟฟี่ นั้นแพ้ กรุ๊ปหงส์แดง ใน

  1. นัดชิงลีกคัพ 1 ครั้ง 
  2. นัดชิงเอฟเอคัพ 2 ครั้ง 
  3. รอบตัดเชือกเอฟเอคัพ 1 ครั้ง 

ซึ่งไม่เคยชนะที่ถิ่นแอนฟิลด์เลยนับตั้งแต่เปลี่ยนสหัสวรรษใหม่ มีพ่างฝ่ายอาร์เซนอลเท่านั้นที่เอาชนะกรุ๊ปเอฟเวอร์ตันได้มากกว่าพวกลิเวอร์พูล


7.ฝ่ายแสบของ หมู่ฮัลล์ คือ กลุ่มเบิร์นลี่ย์



สถิติเพราะส่วนตัวแล้ว พวกแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด นั้นอาจจะเป็นพวกแสบสำหรับ โค้ชสตีฟ บรู๊ซ ก็เพราะว่ากุนซือของ เหล่าฮัลล์ยังไม่เคยควบคุมกลุ่มเอาชนะทีมเก่าของเขาได้เลย แต่ถ้าในฐานะทีมแล้ว กรุ๊ปเบิร์นลี่ย์คือตัวแสบด้วยว่า กรุ๊ปฮัลล์เลยทีเดียว เพราะเอาชนะได้ถึง 8 นัด จาก 9 นัดครั้งหลังสุด ที่พบกัน รวมถึงชัยชนะ 1-0 ในศึกพรีเมียร์ลีกฤดูกาลนี้ ซึ่งเป็นชัยชนะนัดแรกในฤดูกาลของทีมเลือกระฉ่อนดหมูด้วย


8.กรุ๊ปแสบของ ทีมเลสเตอร์ คือ กรุ๊ปเวสต์แฮม



เช่นแค่ชื่อของ กลุ่มเวสต์แฮม นั้นก็คงทำให้ ฝ่ายเลสเตอร์ ซิตี้ นั้นต้องขนลุกขนพองได้แล้ว เพราะว่า คณะจิ้งจอกสยาม นั้นคว้าชัยชนะเหนือ กรุ๊ปขุนค้อน ได้แค่ครั้งเดียวนับตั้งแต่ปี 1966 หรือไม่ก็ใน 53 นัดหลังสุดที่พบกันนั่นเอง ด้วยกันต้องหวังว่าจะหยุดสถิตินั้นลงได้ ในการพบกันครั้งถัดไปในวันที่ 20 ธันวาคมนี้


9.ฝ่ายแสบของ กลุ่มลิเวอร์พูล คือ กลุ่มเลสเตอร์ ซิตี้



ถ้าสมมติว่าลองย้อนตารางบอลพรุ่งนี้กลับไปตั้งแต่ทศวรรษ 1960 กรุ๊ปเลสเตอร์ถือเป็นฝ่ายสุดแสบเกี่ยวกับ กลุ่มลิเวอร์พูลแล้ว เพราะเหล่าจิ้งจอก นั้นบุกคว้าชัยที่แอนฟิลด์ได้ 3 นัดติด ในระหว่างปี 1963 - 1965 ซึ่งเป็นช่วงที่เหล่ายุคแรกของโค้ช บิลล์ แชงค์ลีย์ กำลังก้าวขึ้นสู่ความยิ่งใหญ่ หลังจากนั้น กลุ่มเลสเตอร์ก็ยังเอาชนะ เหล่าลิเวอร์พูลได้ในอีกหลายแมตช์สำคัญ ๆ


10.กรุ๊ปแสบของ กรุ๊ปแมนเชสเตอร์ ซิตี้ คือ ทีมซันเดอร์แลนด์



สถิติของทีมแมนเชสเตอร์ ซิตี้ ได้พ่ายแพ้ เหล่าซันเดอร์แลนด์ ด้วยสกอร์ 0 - 1 ตลอด 4 ครั้งหลังสุดที่ไปเยือนในถิ่น สเตเดี้ยม ออฟ ไลท์ ยังไม่นับเกมล่าสุด และก่อนที่เรือใบสีฟ้าจักถูกอภิมหาเศรษฐีจากตะวันออกกลางเข้ามาเทกโอเวอร์เมื่อเดือนกันยายนปี 2008 พวกเขาไม่เคยบุกชนะ เหล่าแมวดำได้เลย


11.หมู่แสบของ กลุ่มแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด คือ ทีมเชลซี



ไม่มีพวกไหนแย่งแต้มจากแมนฯ ยูไนเต็ดในยุคของพรีเมียร์ลีกได้มากไปกว่าเชลซีอีกแล้ว แม้ปิศาจแดงจักเอาชนะสิงโตน้ำเงินครามได้ในนัดชิงชนะเลิศแชมเปี้ยนส์ลีกทันทีที่ปี 2008 แต่สถิติการพบกันใน 10 นัดหลังสุดนั้น แมนฯ ยูไนเต็ดชนะได้แค่ 2 ครั้งเท่านั้น


12.เหล่าแสบของ กลุ่มนิวคาสเซิล คือ ฝ่ายแมนเชสเตอร์ ซิตี้



ถึงแม้ว่า ฝ่ายนิวคาสเซิล นั้นจะบุกคว่ำ ฝ่ายแมนเชสเตอร์ ซิตี้ลงได้ในลีกคัพฤดูกาลนี้ แต่ว่าสถิติของทีมสาลิกาดง นั้นก็ยังเป็นรอง หมู่เรือใบสีฟ้าอยู่บานเบอะ ครั้งต้องจำนนรวดมา 11 นัดก่อนหน้านั้น กับชนะได้แค่ 2 จาก 22 นัดหลังสุดที่พบกัน


13.ทีมแสบของ เหล่าควีนส์ปาร์ค คือ เหล่าน็อตติ้งแฮม ฟอเรสต์



คณะควีนส์ปาร์ค ได้ลงเตะกับ เหล่าฟอเรสต์ ที่ ถิ่นซิตี้ กราวด์มาแล้วทั้งสิ้น 29 นัด เพราะไม่เคยชนะแม้แต่ครั้งเดียว ถ้าถ้าหากลองย้อนกลับไปตั้งแต่การพบกันครั้งแรกในเกม เอฟเอคัพ ครั้งปี 1934 ซึ่งเจ้าป่าเปิดบ้านถล่ม กลุ่มทหารเสือราชินี ไปผลบอล 4-0


14.กลุ่มแสบของ ทีมเซาธ์แฮมป์ตัน คือ ฝ่ายซันเดอร์แลนด์



ฝ่ายเซาธ์แฮมป์ตัน นั้นไม่เคยเอาชนะ ฝ่ายซันเดอร์แลนด์ ได้เลยในช่วง 11 ปีที่ตัดผ่านมา ด้วยกันก่อนที่จักเปิดบ้านยิงไปถึง 8 - 0 ในฤดูกาลนี้ ถือเป็นการถอนแค้นแบบทั้งต้นทั้งดอกจากที่ไม่ชนะเลยในการพบกัน 8 นัดก่อนหน้านี้


15.หมู่แสบของ พวกสโต๊ค คือ ฝ่ายแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด



ซึ่งถ้านับตั้งแต่ได้เลื่อนชั้นขึ้นสู่ศึกพรีเมียร์ลีกได้ การที่ได้ไปเยือน ถิ่นโอลด์ แทรฟฟอร์ด ของ พวกสโต๊คทั้ง 7 ครั้ง ลงเอยด้วยความพ่ายพ่ายทั้งหมด รวมถึงในเกมล่าสุดที่เพิ่งพบกันด้วย เพราะว่าช่างปั้นหม้อเสียไปถึง 22 ประตู ใน 7 นัดนี้


16.กรุ๊ปแสบของ คณะซันเดอร์แลนด์ คือ พวกเอฟเวอร์ตัน



ทีมซันเดอร์แลนด์ นั้นทำได้แค่เสมอกับ กลุ่มเอฟเวอร์ตัน 1-1 ในบ้านในการพบกันในพรีเมียร์ลีกฤดูกาลนี้ ทำให้ เหล่าแมวดำ ชนะ คณะทอฟฟี่สีน้ำเงินได้แค่ 2 นัดจาก 23 นัดหลังสุดเท่านั้น พร้อมกับยังเคยถูกถล่มถึง 7-1 ในการพบกับที่ สนามกูดิสัน ปาร์ค ขณะปี 2007 อีกด้วย


17.กรุ๊ปแสบของ คณะสวอนซี คือ ทีมเอฟเวอร์ตัน




เพราะด้วยกลุ่มสวอนซี ที่เพิ่งเอาชนะ หมู่เอฟเวอร์ตันได้เป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ ในเกมลีกคัพที่พบกันในฤดูกาลนี้ที่ สนามลิเบอร์ตี้ สเตเดี้ยม หลังจากที่ไม่เคยชนะเลยใน 20 เกมก่อนหน้านี้ ซึ่ง ทีมหงส์ขาวนั้นพ่ายไปถึง 15 ครั้ง ด้วยกัน ในเกมล่าสุดที่พบกันใน ศึกพรีเมียร์ลีกฤดูกาลนี้ที่ สนามกูดิสัน ปาร์ค ในเกมก็ลงเอยด้วยการเจ๊ากันแบบโนสกอร์


18.ฝ่ายแสบของ ฝ่ายสเปอร์ส คือ ทีมเชลซี



หลังจากที่ กรุ๊ปสเปอร์ส นั้นบุกมาชนะ กลุ่มเชลซีได้แค่ครั้งเดียวใน 27 นัดหลัง พร้อมด้วยยังไม่นับเกมล่าสุด หรือไม่ก็นานถึง 24 ปี มาแล้ว ที่พวกเขานั้นคว้าชัยได้ที่สแตมฟอร์ด บริดจ์ ส่วนสถิติของการพบกันที่ไวท์ฮาร์ทเลนก็ไม่ได้ดีกว่านั้นมากนัก เพราะฝ่ายไก่เดือยทอง นั้นเอาชนะ กลุ่มสิงห์โตน้ำเงินครามในบ้านไม่ได้เลยในระหว่างปี 1987-2006


19.เหล่าแสบของ ทีมเวสต์บรอมวิช คือ หมู่สโต๊ค




กลุ่มสโต๊ค นั้นมีสถิติข่ม คณะเวสต์บรอมมาโดยตลอดในช่วงหลังๆ ครั้นชนะถึง 11 พร้อมด้วย ไม่ได้แพ้เลยใน 15 นัดที่พบกัน จนแฟน หมู่ช่างปั้นหม้อ ถึงกับแต่งเพลงสนับสนุนเอาไว้ร้องเยาะเย้ย แฟนเหล่าฟุตบอลเดอะแบ็กกี้ส์ เพราะเฉพาะ ด้วยกันในการพบกัน 30 ครั้งหลังสุด เหล่าเวสต์บรอม นั้นเอาชนะได้แค่ 2 ครั้งเท่านั้น


20.ฝ่ายแสบของ กลุ่มเวสต์แฮม คือ กลุ่มเอฟเวอร์ตัน



หากลองย้อนกลับไปปี 2007 ที่ เหล่าเวสต์แฮม นั้นเอาชนะ กรุ๊ปเอฟเวอร์ตันได้ครั้งหลังสุด ภายหลังนั้นพวกทอฟฟี่ก็เอาชนะ กลุ่มขุนค้อนได้ถึง 9 จาก 13 นัดที่พบกัน ซึ่งแม้แต่ในช่วงที่ ฝ่ายเวสต์แฮมฟอร์มกำลังพุ่งในฤดูกาลนี้ พวกเขาก็ยังออกไปพ่าย กลุ่มเอฟเวอร์ตัน 1 - 2 ที่ สนามกูดิสัน ปาร์ค