วันพุธที่ 10 กันยายน พ.ศ. 2557

ดุจิงๆ หลังทีมสิงโตบุกขย้ำทีมสวิส 2-0 ค้นหาฟุตบอลยูโร2016+คลิปรวมทั้งการเติมต่อทีมระดับนี้ของ ฟานกัล จะเป็นยังไงจำเป็นไปดูกัน?



ดุจิงๆ หลังทีมสิงโตบุกขย้ำทีมสวิส 2-0 คัดเลือกยูโร+คลิป



โชว์ฟอร์มได้ดีส่วนหลัง ทีมสิงโตคำราม ได้เอาฤกษ์เก็บ 3 แต้ม หลังได้ตัว แดนนี่ เวลเบ็ค เหมาคนเดียว 2 ประตู นำทีมลุยไปเอามีชัย ขุนพล ทีมนาฬิกา ถึงถิ่น 2-0 ในศึก ยูโร 2016 รอบคัดเลือก กลุ่ม อี เมื่อ 8 กันยายน ที่ผ่านมา

สำหรับฟุตบอลชิงแชมป์แห่งแผ่นดินยุโรปในศึกยูโรปี 2016 ในรอบคัดเลือก กลุ่ม อี แข่งขันคืนวันจันทร์ที่ 8 กันยานยน 2557 เป็นการเห็นกันระหว่าง ทัพ ทีมนาฬิกา ทีมชาติสวิตเซอร์แลนด์ รั้งขึ้นสนาม เซนต์ ยาค็อบ พาร์ค รับการมาเยี่ยมเยียนของ ทีมสิงโตคำราม ทีมชาติอังกฤษ

โดยมาลองวิเคราะห์บอลเมื่อเกริ่นเกม ทั้งสองทีมยังไม่อาจจะเปิดเกมรุกได้ถนัด เมื่อถึงในนาทีที่ 15 ทีมอังกฤษ ได้เสียวหลัง เวย์น รูนี่ย์ ลองส่องไกลจากหน้าเขตโทษ บอลไปตรงตัว ยานน์ ซอมเมอร์

ในนาทีที่ 29 ทีมอังกฤษ ได้เพลี่ยงพล้ำกาลทองอย่างนาอาลัย แดนนี่ เวลเบ็ค พาบอลพ้นเข้าเขตโทษฝั่งขวา ก่อนปาดเรียดเข้าในหวังให้ ราฮีม สเตอร์ลิง เข้าชาร์จ แต่น้ำหนักเกินไปนิดเดียว โดนแนวรับเจ้าถิ่นเคลียร์ทิ้ง

หลังจากนั้นในนาทีที่ 32 ก็มีโอกาสลุ้นครั้งแรกของ สวิส จากลูกเตะมุม ริคาร์โด้ โรดริเกซ เปิดมาที่ที่ผูกแรกโดนโหม่งเคลียร์มาหน้าเขตโทษ สเตฟาน ลิคท์สไตเนอร์ กดด้วยขวาเต็มข้อ บอลพุ่งข้ามคานไปนิดเดียว

ในนาทีที่ 33 สวิส มีโอกาสปิ้มได้ประตูขึ้นนำ แซร์ดาน ชากิรี่ ตวัดบอลเข้าเขตโทษให้ ฮาริส เซเฟโรวิช เบี่ยงตัวยิงด้วยซ้าย บอลพุ่งไปติดเซฟ ด้วยขาของ โจ ฮาร์ท ออกหลัง

ต่อมานาทีที่ 43 ก่อนหมดสิ้นครึ่งแรก 2 นาที อังกฤษ หวิดได้ประตูนำ เวย์น รูนี่ย์ แบะเตะมุมทางฝั่งขวาเข้ากลางให้ ฟิล โจนส์ ได้โหม่งคนเดียวเต็มๆ บอลเกือบเสียบมุม ยานน์ ซอมเมอร์ ซูเปอร์เซฟปัดทิ้งไปได้ทัน

จบเกมส์ครึ่งแรก ทีมสวิส กับ ทีมอังกฤษ ยังเสมอกันอยู่ผลบอล 0-0

เริ่มเกมในครึ่งหลัง แงะฉากเริ่มเกมมาได้ 2 นาที จอร์แดน เฮนเดอร์สัน ทำชิ่งต่อให้กับ แจ็ค วิลเชียร์ ได้ยิงด้วยซ้ายตรงเส้น 18 หลา บอลหลุดเสาออกไป

นาทีที่ 52 ทีมชาติอังกฤษ ยังเดินเกมรุกได้ดีกว่าในระยะเวลาต้นครึ่งหลัง มีโอกาสลุ้นอีกครั้ง เฮนเดอร์สัน กำจัดบอลยัดเข้าในอุปถัมภ์ ราฮีม สเตอร์ลิง วิ่งมาแปด้วยซ้ำขวาโล่งๆ ไม่โดน แต่บอลกลับไปแฉลบขา วาลอน เบห์รามี่ รอดพ้นกรอบไปนิดเดียว

นาทีที่ 58 ความเพียรพยายามของ ทีมชาติสิงโตคำราม ก็มาเป็นผล หลังได้ทวารขึ้นนำ 1-0 จากเกมสวนกลับเร็ว รูนี่ย์ จ่ายเข้าพื้นที่โทษฝั่งซ้ายให้ สเตอร์ลิง ปาดเรียดเข้าในให้ เวลเบ็ค แปด้วยขวาแค่ 7 หลาเข้าไปเสียบมุม

นาทีที่ 70 ทีมชาติสวิส พลาดโอกาสได้ประตูตีเสมออย่างน่าเสียดาย เซเฟโรวิช จ่ายบอลทะลุช่องให้ โยซิป เดอร์มิช กองหน้าสำรองหลุดเดี่ยวเข้าไปแตะบอลหลบ โจ ฮาร์ท แล้วตวัดยิงมุมแคบ โดน แกรี่ เคฮิลล์ ล้มตัวสไลด์บอลทิ้งก่อนที่บอลจะเข้าประตู

ในนาทีที่ 85 ทีมชาติสวิส พยายามเดินเกมบุกอย่างหนัก มีโอกาสลุ้นประตูตีเสมอ โกคาน อินแลร์ ฉายแสงไกลด้วยเท้าซ้าย ฟุตบอลติดไซด์ฮุกตกหลังคานออกหลัง

และในนาทีที่ 90 + กับช่วงทดเวลาบาดเจ็บ3 นาที ในเกมรับเจ้าถิ่นเสียสมาธิ ก่อนที่ ริคกี้ แลมเบิร์ต ตัวสำรอง ทีมสิงโต จะแจกจ่ายบอลถวายพานให้ เวลเบ็ค แตะเข้าไปยิงผ่านมือ ยานน์ ซอมเมอร์ เข้าไปให้ทีมนำ 2-0 และเป็นลูกที่ 2 ของกองหน้าตัวใหม่ ทีมอาร์เซน่อล

โดยที่จบเกม ทีมชาติอังกฤษ บุกมาเอาชนะ ทีมชาติสวิตเซอร์แลนด์ ถึงถิ่น 2-0 เก็บ 3 แต้มประเดิมศึกคัดเลือก ยูโร 2016

ซึ่งรายชื่อผู้เล่นทั้ง 2 ทีมมีดังนี้

รายชื่อทีมสวิตเซอร์แลนด์ : 

  1. ยานน์ ซอมเมอร์ 
  2. สเตฟาน ลิคท์สไตเนอร์
  3. โยฮัน ฌูรู
  4. สตีฟ ฟอน เบอร์เก้น
  5. ริคาร์โด้ โรดริเกซ 
  6. โกคาน อินแลร์
  7. วาลอน เบห์รามี่ 
  8. แซร์ดาน ชากิรี่
  9. กรานิต ชาก้า สำรอง เบริม เซไมลี่ นาทีที่ 74
  10. อัดเมียร์ เมห์เมดี้ สำรอง โยซิป เดอร์มิช นาทีที่ 64
  11. ฮาริส เซเฟโรวิช

รายชื่อตัวสำรองที่ไม่ได้ใช้ : 
  1. มาร์วิน ฮิทซ์ 
  2. โรมัน เบอร์กี้
  3. ฟิลิปป์ เซนเดอรอส
  4. ฟาเบียน ชาร์
  5. ลอริส เบนิโต้
  6. ซิลวาน วิดแมร์
  7. ฟาเบียน ฟราย
  8. วาเลนติน สต็อคเกอร์
  9. เกลสัน แฟร์น็องเดส
  10. ปาติม คาซามี่

รายชื่อนักเตะทีมชาติอังกฤษ : 
  1. โจ ฮาร์ท 
  2. จอห์น สโตนส์
  3. แกรี่ เคฮิลล์
  4. ฟิล โจนส์ สำรอง ฟิล จากีลก้า นาทีที่ 77
  5. เลห์ตัน เบนส์ 
  6. แจ็ค วิลเชียร์ สำรอง เจมส์ มิลเนอร์ นาทีที่ 73
  7. จอร์แดน เฮนเดอร์สัน
  8. ฟาเบียน เดลป์ 
  9. ราฮีม สเตอร์ลิง
  10. เวย์น รูนี่ย์ สำรอง ริคกี้ แลมเบิร์ต นาทีที่ 90
  11. แดนนี่ เวลเบ็ค

รายชื่อสำรองไม่ได้ใช้ : 
  1. เฟรเซอร์ ฟอร์สเตอร์ 
  2. คาลัม แชมเบอร์ส
  3. แดนนี่ โรส
  4. แอนดรอส ทาวน์เซ่นด์
  5. อเล็กซ์-อ็อกซ์เลด แชมเบอร์เลน

ชื่อผู้ตัดสิน : คูเน็ท ชาคีร์ ประเทศตุรกี





เสริมทีมระดับนี้ จะเป็นยังไงต้องไปดูกัน?





สำหรับการต่อเติมทีมในดีกรีมหาฉันท์ของ หลุยส์ ฟาน กัล ให้กับทีม ปีศาจแดง ซึ่งในช่วงซัมเมอร์นี้ จะว่าไปก็ไม่แตกต่างจากการปิดประตูพิราลัยให้ตัวเอง จากที่เคยอ้างเรื่องนักเตะได้ หากข้อมูลออกงานไม่ดี แต่คราวนี้ เรียกว่าหมดข้ออ้างอย่างแท้จริง หากไม่อาจทำได้ตามเป้าที่วางไว้

หลังจากที่ท้องตลาดนักเตะช่วงซัมเมอร์ปิดตัวลงไปเรียบร้อยแล้ว หลายทีมสามารถสนับสนุนทัพได้อย่างน่าตื่นตา หนึ่งในนั้นไม่ใช่ใครที่ไหน แต่ถ้าว่าเป็นทีม ปีศาจแดง แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ที่ควักกระเป๋าจ่ายเงินไปกว่า 150 ล้านปอนด์ เพื่อแลกกับนักเตะระดับสตาร์ 2 ราย และเกรด B+ อีก 4 รายมาร่วมทัพ

ซึ่งนี่พูดได้เลยว่านี่คือ การผ่าตัดใหญ่ของทีมอย่างแท้จริง

โดยหลังจากผลงานอันย่ำแย่กับเลข 7 ที่เป็นอันดับเมื่อซีซั่นที่แล้วยังคงติดตาคนรักบอลผู้ถวายตัวให้กับซาตานแห่งถิ่นโอลด์ แทร็ฟฟอร์ด ต้องได้หลอกได้หลอนไปกับคำล้อเลีย คำปลอบโยนใจ ตลอดจนความหวังลมๆ แล้งๆ ที่อาจมาหรือไม่มาก็มีใครรู้




หลังพลัดที่ได้ปิดซีซั่นไปกับสิ่งที่แน่นอนอย่างหนึ่งคือ ฤดูกาลหน้าจะไม่ได้ไปเล่นในเวทียุโรป ซึ่งนั่นบอกความว่าทำใจไว้ได้เลยกับการเสริมทัพ ที่คงไม่ทำได้จูงใจสตาร์ชั้นดีเข้ามาสู่ทีมได้ แม้นินทาจะได้ หลุยส์ ฟาน กัล ที่ประกอบคุณงามความดีใน ฟุตบอลโลก สำหรับการพาบ้านเกิด ทีมชาติฮอลแลนด์ ไปคว้าอันดับ 3 ได้ มาเป็นกุนซือก็ตาม เรียกได้ว่ามีบารมี แต่ก็ไม่ใช่ทั้งเจ๊งที่จะสามารถพาทีมประสบความสำเร็จได้

ซึ่งส่วนหนึ่งเพราะนักเตะในทีมยังคงเป็นทีมที่ เดวิด มอยส์ บรรจงสรรสร้างขึ้นมารั้งตำแหน่งอันดับ 7 การจะเอาของเดิมมาทำผลงานให้ดีกว่าเดิมเป็นเรื่องยากอย่างแท้จริง เพราะความไร้สมรรถภาพ และศักยภาพ ทำให้การจะปรับจะจูนก็กลายเป็นเรื่องยากตามไปด้วย

และสิ่งนั้นนั่นทำให้แฟนทีม ปีศาจแดง ต้องทำใจรับสภาพ และมักหาข้ออ้างต่างๆ มาเพื่อปลอบใจตัวเองไม่ให้ฟุ้งซ่าน อย่างผมเอง ก็บอกชัดๆ เลยว่าหากซัมเมอร์ที่ผ่านมาต้องจบลงในสภาพเดียวกับซัมเมอร์แรกที่ ไร้ป๋า ที่ทีมได้มาแค่ มารูยาน เฟลไลนี่

และก็ขอแค่ไม่ต้องมาโดนยั่วเย้าตรงกลางตาราง ใช่ไหมแค่จบอันดับดีกว่าเดิม ก็น่าจะเป็นที่พึงพอใจได้



โดยขนองจากที่เราได้เห็นความชำนาญ ฟาน กัล เชื่อว่าแฟน ๆ หลายคนไม่ต่างจากผม ที่ลงบัญชีว่าเราจะหวนกลับมาลุ้นแชมป์ได้มา แต่พอมองย้อนกลับไป ก็อยากจะเอาคืนหายใจอีกหลายเฮือก แต่ความเป็นจริงก็คือสิ่งที่สมควรจะเก็บเป้าไว้เป็นอย่างโกร๋งเกร๋งนั่นคือการจบอันดับ 1 ใน 4 เพื่อให้ได้ไปแสดงในเวที ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก

และถ้าหากวัดจากผลงานก่อนหน้านี้ ตัวผู้เล่น และการทำงานอันล่าช้าในตลาดนักเตะ รวมไปถึงบัญชีนักเตะเจ็บป่วยที่ยาวเป็นหางว่าว อาจทำให้เราหยิบเรื่องพวกนี้ขึ้นมาเป็นข้ออ้างปลอบใจได้

ซึ่งก่อนเปิดฤดูกาล ด้วยนักเตะที่เสริมมาเพียงแค่ 2 คน ซึ่งก็เป็นคนที่ เดวิด มอยส์ เลือกไว้ตั้งแต่แรก ไม่ใช่คนที่ ฟาน กัล สั่งให้ทีมหามา แต่ก็ยังทำผลงานได้อย่างยอดเยี่ยมในเกมอุ่นเครื่อง มีชัยรวดไม่ว่าคู่ต่อสู้จะเป็น 
  1. ทีมโรม่า
  2. ทีมอินเตอร์ มิลาน
  3. ทีมเรอัล มาดริด 
  4. ทีมลิเวอร์พูล 
  5. ทีมบาเลนเซีย 
โดยที่ในนัดสุดท้าย ลูกฟุตบอลที่มีทรง กล้าเล่นอย่างไร้ความบีบคั้น การเข้าทำที่หลากหลาย อาวุธดูครบมือ แม้คู่แข่งอาจไม่ได้เอาจริงเอาจังเท่าไหร่ แต่ก็ทำให้ทีมดูมีความใฝ่ฝันมากขึ้นจริง ๆ


เหมือนแต่ว่าตั้งแต่ง้างฤดูกาลมา หน้ามือปรับเปลี่ยนเป็นหลังนิ้วก้อยเท้าอย่างเฉียบพลัน เริ่มที่การแพ้ ทีมสวอนซี คาบ้าน ในนัดเปิดฤดูกาล พรีเมียร์ลีก แต่ก็พูดได้ว่ามันเรื่องที่ยาก เพราะบัญชีนักเตะบาดเจ็บ ยังยาวเป็นหางว่าวไม่เปลี่ยน

หลังจากตรงนั้น ผลงานแข่งขันยังถ่มถุยกันต่อไปโดยไป เสมอ ทีมซันเดอร์แลนด์ แพ้ ทีมเอ็มเค ดอนส์ รวมถึงเสมอกับ ทีมเบิร์นลีย์ หลังจบเกมทุกนัด ฟาน กัล จัดการดึงนักฟุตบอลมาเพิ่มได้ตราบเท่า ต้องชื่นชมฝ่ายจัดการกันบ้างที่เอานักเตะชั้นดีอย่างตัว อังเคล ดิ มาเรีย และสุดยอดดาวยิงอย่าง ราดาเมล ฟัลเกา เข้ามาในทีมได้ แม้จะเป็นการเอาเงินฟาดหัวก็ตาม

และก็นับว่าโชคดีที่ช่วงนี้มีเกมทีมชาติมาคั่น ส่วนนัดหน้ามีตารางบอลเจอ ทีมควีนส์ปาร์ค เรนเจอร์ส ที่ไม่ได้มีอะไรน่ากลัวเท่าไหร่เลย ตามหน้าเสื่อทีม ปีศาจแดง สมควรคว้า 3 แต้มด้วยประการทั้งปวง

และถ้าหากทำไม่ได้หลายคนอาจเอาระบบ เอาอาการบาดเจ็บมาอ้าง แต่เชื่อเถอะว่าการเสริมทัพระดับวินาศสันตโรจนนักเตะในทีมค่าตัวรวมกันมากตวงขนาดนี้ ยังแพ้ หรือเสมออีก หรือท้ายฤดูกาลไป แชมเปี้ยนส์ ลีก ไม่ได้อีก ไม่ต้องเอาอะไรมาอ้างแล้วล่ะครับ ห่วยล้วนๆ เลย


ทีมผีแดงไม่สนข่าวที่ว่า ฟัลเกาโกงอายุ



หลังจากที่ทีม ปีศาจแดง ได้เมินข่าว ฟัลเกา โกงอายุ หลังมีจดหมายลดอายุตัวเอง 2 ปีเพื่อลงรับใช้ชาติในเกม ศึกเวิลด์ยูธ เมื่อครั้งอดีตที่ผ่านมา ชี้ไม่ส่งผลแจะอันใดกับสโมสร

ซึ่งเมื่อทีม แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ทีมดังของศึกโปรแกรมพรีเมียร์ลีก อังกฤษ และสังกัดเดิมใหม่ของ ราดาเมล ฟัลเกา กองหน้าทีมชาติโคลอมเบีย ร่วมยืนยัน เอล ติเกร เป็นนักเตะในวัย 28 ปีจริง พร้อมมั่นใจข่าวลือคดีหอกรายนี้เป็นนักเตะอายุ 30 ปี และหวังโกงอายุเพื่อได้โอกาสลงเล่นในฟุตบอลตำแหน่งเยาวชนเมื่อ 9 ปีที่ผ่านมาไม่ส่งผลอันใดกับสโมสร

โดยที่ทัพทีม ปีศาจแดง ได้แถลงการณ์สั้นๆ เกี่ยวกับข่าวกรณี ฟัลเกา โกงอายุว่า ทางเราได้ยินข่าวลือดังกล่าวแล้ว แต่เรื่องเหล่านี้ไม่เคยส่งผลอันใดกับเรา หลังมีรายงานเป็นเอกสารจากโรงเรียนในวัยประถมของดาวยิงโคลอมเบียนว่าจริงแล้วเจ้าตัวเกิดในปี 1984 มิใช่ปี 1986 แบบที่เจ้าตัวยืนยันในตลอดช่วงที่ผ่านมา

และได้มีการคาดเหตุการณ์ไว้ว่า ฟัลเกา หวังโกงอายุให้ตัวเองมีอายุน้อยกว่าปกติ 2 ปีเพื่อโอกาสรับใช้ชาติในศึกฟุตบอลชิงแชมป์โลก รุ่นอายุไม่เกิน 20 ปีเมื่อปี 2005 ที่ผ่านมา ขณะที่ เอล ติเกร กำลังจะลงประเดิมสนามเกมแรกให้ทีม แมนฯยูฯ ในเกมพรีเมียร์ลีกที่ทัพทีม ผีแดง ซึ่งมีคิวเปิดใจบ้านรับการมาเยือนของ ทีมควีนส์ปาร์ค เรนเจอร์ส ในสุดสัปดาห์ที่จะถึงนี้

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น